ในสวนสวรรค์ : โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

วันที่ 19 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมานี้ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมเพื่อพิจารณาคดี กรณีที่นายณฐพร โตประยูร ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของพรรคอนาคตใหม่ผู้ถูกร้องที่ 1 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถูกร้องที่ 2 นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ถูกร้องที่ 3 และคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้องที่ 4 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่นั้น ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 เห็นว่า ผู้ร้องได้ใช้สิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสองแล้ว แต่อัยการสูงสุดมิได้ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอกรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสาม ที่ผู้ร้องจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ จึงมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย แจ้งให้ผู้ร้องทราบ ส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องทั้ง 4 ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง

ทำให้ผู้เขียนนั่งระลึกถึงอดีตเมื่อครั้งยังเรียนวิชา “ความชื่นชมศิลปะ – Art appreciation” ตอนเรียนปริญญาตรีเมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งต้องทำรายงานส่งอาจารย์ผู้สอนวิชานี้ ด้วยการอธิบายภาพที่เป็นผลงานของ วิลเลียม เบลก ผู้เป็นกวีและจิตรกรชาวอังกฤษในศตวรรษที่ 18 มีผลงานการวาดภาพนิมิตของเขาได้รับยกย่องว่าโดดเด่นและก้าวหน้ากว่าศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษเท่าที่เคยมีมา งานของวิลเลียม เบลก แสดงให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะของศิลปินในยุคโรแมนติกหรืออาจจะก่อนยุคโรแมนติกด้วยซ้ำ แต่หากมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร มีความเป็นอัตลักษณ์สูงจนไม่สามารถจัดประเภทได้ ผลงานของเขาแม้จะเคารพยำเกรงในพระคัมภีร์ไบเบิล แต่แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อศาสนาคริสต์แนวความคิดของเจค็อบ โบม และ เอ็มมานูเอล สวีเดนบอร์ก และวิลเลียม เบลก ได้รับแรงบันดาลใจจากปรัชญาและอุดมการณ์ของกลุ่มนักปฏิวัติฝรั่งเศสและอเมริกันอีกด้วย

รูปที่ผู้เขียนพรรณนาวิเคราะห์ คือ รูป “อดัมกับอีฟนอนหลับในสวนสวรรค์” ซึ่งเป็นภาพวาดและระบายสีน้ำของวิลเลียม เบลก ซึ่งเป็นภาพประกอบในหนังสือเรื่อง “สวรรค์ที่หายไป” ที่มีชื่อเสียงเขียนโดยจอห์น มิลตัน ซึ่งเป็นเรื่องราวของสงครามการต่อสู้กันระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับซาตานทูตสวรรค์องค์หนึ่งผู้มีความมักใหญ่ใฝ่สูง ทะเยอทะยานตั้งตัวเป็นหัวหน้าพรรคทูตสวรรค์ฝ่ายตรงข้ามกับพระผู้เป็นเจ้า ด้วยการทำตัวเกเร ระราน ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อพระผู้เป็นเจ้า จนในที่สุดก็ถูกพระผู้เป็นเจ้าขับออกจากสวรรค์พร้อมกับพวกทูตสวรรค์ที่เป็นกบฏให้ลงไปอยู่ในนรก

แต่ซาตานก็ไม่ได้ละความพยายาม เมื่อทำลายสวรรค์ไม่ได้ก็หันมาทำลายล้างโลกมนุษย์ ที่พระผู้เป็นเจ้าเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ และมีมนุษย์ผู้ชายและผู้หญิงที่ชื่อ อดัม และ อีฟ อาศัยอยู่ในสวนสวรรค์ที่เรียกว่า
อีเดน สวยงามดุจสรวงสวรรค์ ชีวิตแต่ละวันมีแต่ความสุขสบาย เต็มไปด้วยธรรมชาติ ที่มีทั้งต้นไม้ดอกไม้มากมาย มีลำธารน้ำไหล มีสัตว์ป่าเป็นเพื่อน มีเสียงดนตรีขับกล่อม และสองหญิงชายมีชีวิตเป็นอมตะและเป็นนิรันดร์ แต่พระผู้เป็นเจ้ามีข้อห้ามอยู่อย่างเดียวว่า ไม่ให้เก็บกิน “ผลของต้นไม้” ที่มีอยู่ในสวนสวรรค์ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ที่กลางใจสวนสวรรค์แห่งนี้เท่านั้น เพราะผลไม้นั้นจะนำมาซึ่งความทุกข์ ทำให้มีเกิดแก่เจ็บและตายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

Advertisement

ในที่สุดซาตานก็แปลงกายเป็นงูมาล่อหลอกให้อีฟชักชวนให้สามีคืออดัมเก็บผลของต้นไม้ต้นต้องห้ามกินจึงทำให้คนทั้งสองต้องถูกขับออกไปจากสวนสวรรค์ตั้งแต่นั้นมา

สำหรับภาพที่ผู้เขียนเลือกที่จะวิเคราะห์วิจารณ์นั้นคือภาพของอดัมและอีฟมนุษย์ 2 คนแรกที่พระผู้เป็นเจ้าสร้างขึ้นกำลังนอนหลับอยู่ในสวนสวรรค์อีเดนอย่างมีความสุขโดยมีเหล่าเทวดาคอยปกปักอยู่เบื้องบน ในรูปมีความกลมกลืนและสวยงามอย่างสมบูรณ์ทีเดียวผู้เขียนก็เห็นแต่รู้สึกว่าในรูปนั้นมันงดงามและลงตัวเหลือเกิน แต่ผู้เขียนมองข้ามคางคกที่น่าเกลียดตัวหนึ่งหมอบอยู่ที่ข้างแก้มของอีฟนั้นไปแบบไม่ใส่ใจเหมือนกับว่าไม่มีคางคกอยู่ในภาพที่สุดสมบูรณ์นี้ไปเลย ทั้งๆ ที่รูปคางคกนั่นเองคือสัญลักษณ์ของซาตานที่มีส่วนสำคัญที่มนุษย์ต้องถูกขับไล่จากสวนสวรรค์อีเดนนั่นเอง

ครับ ! สาเหตุที่ผู้เขียนระลึกถึงเรื่องในสวนสวรรค์เมื่อ 50 กว่าปีขึ้นมานี้ เพราะผู้เขียนได้อ่านคำชี้แจงของนายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ถูกร้องที่ 3 ที่ว่า

“พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร ผม และคณะกรรมการบริหารพรรค ไม่ได้ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พวกเราก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นก็เพื่อฟื้นฟูและธำรงรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง

ตรงกันข้าม การใช้สิทธิหรือเสรีภาพสนับสนุนให้กองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองและยกเลิกรัฐธรรมนูญก็ดี การสมคบคิดกันก่อรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองและยกเลิกรัฐธรรมนูญก็ดี กรณีเหล่านี้ต่างหากที่เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image