ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
การศึกเศรษฐกิจ แนวรบสะเปะสะปะ แนวรบหนักหน่วง
ครั้งใดที่มีผู้ตั้งคำถามว่า จะต้องดำเนินการแก้ไขหรือยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่
แกนนำ-กองเชียร์ฝ่ายรัฐบาล ที่มั่นคงในหลักการว่า “รัฐธรรมนูญนี้ Design มาเพื่อเรา” จะตอบโต้ในทันควันว่า
แก้ไขรัฐธรรมนูญมิใช่ปัญหาเฉพาะหน้า
ที่เร่งด่วนกว่าคือการแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน
ฟังแล้วชวนให้ซาบซึ้งใจ
แต่เมื่อดูการลงมือปฏิบัติแล้วชวนให้เกิดความสงสัย
ถ้าปัญหาปากท้องประชาชนเป็นเรื่องเร่งด่วน
ถ้าทุกข์ยากของชนชั้นรากหญ้า ไปจนกระทั่งถึงผู้ประกอบการระดับกลางระดับเล็กเป็นที่รับรู้ของรัฐบาล
ทำไมมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐจึงต้องรอให้ถึงไตรมาส 4 ถึงจะออกมาอย่างเป็น “แพคเกจ”
ทำไมไม่ออกมาโดยทันที
ในเมื่อหน้าตา “ทีมเศรษฐกิจหลัก” ก็ยังเป็นชุดเดิม
ยังมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ “ครึ่งหนึ่ง”
มือไม้หลักก็ยังเป็น นายอุตตม สาวนายน ที่ย้ายจากกระทรวงอุตสาหกรรมมากระทรวงการคลัง
ยังเป็น นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่ย้ายจากกระทรวงพาณิชย์มาเป็นกระทรวงพลังงาน
และที่สำคัญยิ่งก็คือประธานคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ทีมงานหน้าเดิม นโยบายแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ทำไมต้องให้ร้องเพลงรอ
ไม่เพียงมีข้อสงสัยในเรื่องของความล่าช้า
ยังมีประเด็นที่น่าตั้งข้อสังเกตกว่าว่า นโยบาย-ภารกิจในด้านเศรษฐกิจที่ออกมาดูจะสะเปะสะปะสับสน
ไปคนละทางสองทาง
ดูจากนโยบายลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าลงมาเหลือ 15 บาทตลอดสายที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม ภูมิใจเสนอ
ที่ถูกห้ามล้อดังเอี๊ยดจากนายกรัฐมนตรี
เช่นเดียวกันกับนโยบายจะคืนความสุขให้รถตู้ที่ไม่ต้องแปลงโฉมเป็นไมโครบัส
ก็ถูกดิสก์เบรกยี่ห้อเดียวกันสั่งหยุดชนิดถนนครูดเป็นรอย
ไม่ต่างกับนโยบายประกันราคายางกิโลกรัมละ 60 บาท ของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่ออกมาได้เพียงวันเดียว
ก็หาทางเลี้ยวยูเทิร์นกลับไม่ทัน
ความไม่เป็นเอกภาพในทางนโยบายของรัฐบาล
ไม่ได้สร้างปัญหาเฉพาะการบริหารงานของรัฐบาล
แต่ยังสร้างความสับสน และเพิ่มปัญหาให้กับประชาชนและผู้ประกอบการทั่วไปที่ตกทุกข์ได้ยากอยู่แล้วในเวลานี้
ความล่าช้าในการลงมือปฏิบัติก็ดี ความสะเปะสะปะไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวของนโยบายก็ดี
เหมือนการขยี้ซ้ำแผลที่แบะอ้าอยู่แล้วให้ฉีกกว้างบอบช้ำยิ่งขึ้น
และสุดท้ายก็ส่งผลสะท้อนกลับไปยังความน่าเชื่อถือและเสถียรภาพของรัฐบาลเอง
ยิ่งเมื่อนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งประธานคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ
ความล้มเหลวที่เกิดขึ้น ย่อมมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นเป้าตาวัววงแดง
วันนี้ไม่เพียงแต่ประชาชนระดับรากหญ้า หรือว่ากิจการขนาดเล็กขนาดกลางทั้งหลายเท่านั้นที่ร้องครวญคราง
แม้กระทั่งกิจการยักษ์ใหญ่ระดับข้ามชาติไปแล้วอย่าง “ปูนซิเมนต์ไทย” ยังออกมาแถลงว่ายอดการขาย-โดยเฉพาะธุรกิจปูนซีเมนต์ลดลง
ปูนซีเมนต์ใช้น้อยลง ย่อมหมายถึงธุรกิจก่อสร้าง ไม่ว่าจะบ้านเรือนอาคารหรืออื่นๆ ชะลอตัวลง
สดๆ ร้อนๆ 13 สิงหาคม-เปิดการซื้อขายหุ้นวันแรกของสัปดาห์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทรุดตัวไปวันเดียวกว่า 30 จุด ลงไปอยู่ต่ำกว่าระดับ 1,620 จุด
จนถึงวันที่ 14 สิงหาคม ก็ยังโงนเงนไม่ฟื้นตัว
จะโทษสงครามการค้า โทษค่าเงิน โทษต่างชาติที่ทยอยขน “เงินร้อน” ออกไป
หรือโทษดินฟ้าอากาศก็ได้ทั้งสิ้น
แต่ที่คนทั่วไปสนใจมากกว่าคือหลังจากรู้ต้นตอสาเหตุของปัญหาแล้วจะ “ลงมือแก้ไข” อย่างไร
และเมื่อไหร่
แนวรบเศรษฐกิจ-ปากท้องรอบนี้
ช้าไม่เป็นการ นานไม่เป็นคุณ
และยิ่งสะเปะสะปะยิ่งตายเร็ว