หมาเห่าใบตองแห้ง : สมหมาย ปาริจฉัตต์

เรื่องอื้อฉาว ไม่ว่าเกิดที่กรมราชทัณฑ์กระทรวงยุติธรรม ที่อธิบดีทนการกระทำของนักการเมืองไม่ไหว ออกมาเรียกร้องให้ปรับปรุงการทำงานของทีมงานฝ่ายการเมืองเสียใหม่

หรือเหตุเกิดที่จังหวัดภูเก็ต ส.ส.ซีกรัฐบาลฟาดงวงฟาดงาใส่นายตำรวจและผู้บริหารท้องถิ่น จนเป็นเหตุให้นักการเมืองอีกซีกออกมาให้กำลังใจฝ่ายข้าราชการประจำ ซัดกลับอีกฝ่ายหนึ่ง ทิ้งท้ายด้วยสำนวนไทยได้แสบสัน หมาเห่าใบตองแห้ง

เหตุการณ์ทำนองนี้ ในสภาวะที่การเมืองยุคอำนาจนิยม อาการกร่างคับบ้านคับเมืองเกิดขึ้นไม่มากหรือมากแต่ไม่เป็นข่าวเท่าที่ควรก็ตาม เพราะการเมืองถูกปิดกั้น บทบาทสื่อถูกจำกัด ผู้มีอำนาจแสดงออกจำกัดอยู่กับเฉพาะบางกลุ่ม

แต่เมื่อสังคมเปิดมากขึ้น ตัวละครที่ถูกปิดกั้นบทบาทมานาน จึงค่อยๆ โผล่ออกมาให้สังคมเห็นพฤติกรรมที่แท้จริง เห็นอาการถ่อย เถื่อน ดิบ มากขึ้นเรื่อยๆ

Advertisement

ประกอบกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการสื่อสารยุคใหม่ รวดเร็ว แพร่หลาย กว้างขวาง จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญ ทำให้สังคมได้รับรู้พฤติกรรมของแต่ละฝ่ายชัดเจน ยิ่งกว่ายุคก่อน

สองกรณีฉาวโฉ่ กำลังเป็นวาระของสังคมขณะนี้ ภาพและเสียงที่ปรากฏออกไปทั่วบ้านทั่วเมือง ใครเป็นฝ่ายถูก ฝ่ายผิด สังคมตัดสินได้เอง ควรชื่นชมหรือตำหนิ ประณามฝ่ายไหนยิ่งกว่ากัน

มองอีกด้านหนึ่งเป็นด้านบวกของความเป็นประชาธิปไตย ความเปิดเผย โปร่งใส ความเป็นจริงที่ผู้คนส่วนใหญ่ได้รับรู้ด้วยสายตาตัวเอง พลังแห่งความจริงส่งเสริมพลังความเข้มแข็งของสังคม ในการควบคุม กำกับ ตรวจสอบพฤติกรรมของกลุ่มคนต่างๆ ให้เกิดความระมัดระวัง อยู่ในร่องในรอยที่เหมาะสม

Advertisement

เหตุการณ์นี้จึงเป็นปุ๋ยชั้นดีให้กับความเข้มแข็งของพลังทางสังคมให้เติบใหญ่ มั่นคงต่อไป ขณะที่มาตรการทางกฎหมายและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ยังไม่สามารถจัดการกับพฤติกรรมที่บิดเบี้ยว ไม่เหมาะสมของบุคคลได้

พลังทางสังคมได้ทำหน้าที่และส่งผลก่อนแล้ว จึงทำให้เกิดสิ่งที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักในสังคมไทย การออกมายอมรับผิด สั่งปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เกิดการขอโทษในนามของพรรคการเมือง ต่อสังคม ต่อผู้เกี่ยวข้อง

ขณะเดียวกันเป็นด้านดีของสื่อสารสาธารณะ พลังของ Social Media หากนำไปใช้ในทางที่ดีงาม ถูกต้องเหมาะสมย่อมเป็นเครื่องมือในการควบคุม กำกับ ตรวจสอบ ถ่วงดุลซึ่งกันและกันระหว่างกลุ่มคนในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงควรได้รับการส่งเสริม สนับสนุน ยิ่งกว่าการปิดกั้น

ส่วนปัญหาที่เกิดจากการใช้สื่่อที่ผิด ล่วงละเมิดผู้อื่นและสังคมโดยรวม ทุกฝ่ายต้องร่วมกัน ทำให้มาตรการควบคุมกันทางสังคมเข้มแข็ง เติบใหญ่ยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับสองกรณีอื้อฉาวข้างต้น

อีกทั้งมาตรการทางกฎหมายและจริยธรรม ควรดำเนินการภายใต้แนวความคิดเชิงบวก ส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดความรับผิดชอบ มากกว่าความคิดเชิงลบ ปิดกั้น จำกัด ควบคุม ลงโทษอย่างรุนแรง

เหตุการณ์ทั้งสองกรณีแม้เป็นพฤติกรรมของคนส่วนน้อย เป็นเรื่องส่วนตัวก็ตาม ทุกวงการอาชีพก็เป็นมีสภาพเช่นนี้ แต่ส่งผลกระทบถึงภาพลักษณ์องค์กร ความน่าเชื่อถือของสถาบันที่คนใช้อำนาจบาตรใหญ่เหล่านั้นสังกัดอยู่เป็นวงกว้าง ทำให้สังคมเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย เอือมระอา ขาดศรัทธา จากตัวบุคคลลามไปสู่ระบบที่เป็นอยู่ กลายเป็นสิ่งบั่นทอนความมั่นคงของประชาธิปไตยไปโดยปริยาย

ฉะนั้นการควบคุม กำกับ ถ่วงดุลที่ดีที่สุด นอกจากทางกฎหมาย จริยธรรม และการควบคุมกันเองโดยมาตรการทางสังคม ดังที่เกิดขึ้นแล้ว ก็คือการควบคุม กำกับตนเอง ก่อนเบื้องต้น เป็นสิ่งที่ดีที่สุด

หากสมาชิกของทุกวงการวิชาชีพ สามารถควบคุม กำกับพฤติกรรมของตนเองให้อยู่ในกรอบที่ถูกต้องเหมาะสม อาการกร่างคับเมือง ใช้อำนาจ บาตรใหญ่กับคนอื่นๆ ก็จะลดลง

สังคมจะอยู่กันด้วยความสงบสุข เพราะแต่ละคนเคารพตนเอง เคารพผู้อื่น เคารพกฎ กติกา มารยาท ประชาธิปไตยสมบูรณ์ที่เรียกร้องถวิลหา ก็จะเป็นจริงในที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image