สถานีคิดเลขที่ 12 : ดีเอสไอกับคดีสำคัญ : โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

สถานีคิดเลขที่ 12 : ดีเอสไอกับคดีสำคัญ : โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

สถานีคิดเลขที่ 12 : ดีเอสไอกับคดีสำคัญ : โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

หลายต่อหลายคดีที่มีคนถูกอุ้มหาย โดยเฉพาะกรณีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาพัวพัน มักมีขั้นตอนการเผาทำลายศพที่เหนือชั้น จนทำให้ศพซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญสุด สำหรับการดำเนินคดีฆาตกรรมนั้นไม่มีเหลือ ลงเอยก็ทำได้แค่ดำเนินคดีข้อหาการลักพาตัวไปเท่านั้น

นี่คือปัญหาใหญ่ของกระบวนการยุติธรรมไทย เมื่อไม่มีศพ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคนที่ถูกอุ้มสูญหายไปนั้น ถูกฆ่าไปแล้ว จะไม่สามารถตั้งข้อหาฆ่าได้

จึงเป็นจุดบอด ที่ทำให้เหยื่อจำนวนมากไม่ได้รับความเป็นธรรม

Advertisement

ในทางกลับกัน ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้มีอิทธิพล กล้าลงมือฆ่าคนเพื่อปิดปากหรือจะเพื่ออะไรก็ตาม เสร็จแล้วก็ไปจัดการเผาป่นในถัง 200 ลิตร แล้วเอาไปทำให้สูญสลายไปกับสายน้ำ

แล้วก็เป็นแค่คดีดำมืด เป็นคนสูญหาย ที่ไม่สามารถพิสูจน์หรือเอาผิดกับใครได้

ดังนั้น เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม สามารถทำความจริงในคดี นายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ จนชัดเจนขึ้นมาแล้วในระดับหนึ่ง

Advertisement

หลังจากสูญหายไปถึง 5 ปี แทบจะไม่มีวี่แววว่า จะหาความเป็นธรรมได้

แต่สามารถพบจุดที่ทิ้งถังน้ำมัน 200 ลิตร พร้อมเหล็กที่เป็นอุปกรณ์ช่วยในการเผาทำลาย รวมทั้งชิ้นส่วนกระดูกจำนวนหนึ่ง

อันพอจะพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ว่า ใช่นายพอละจีหรือบิลลี่ และถังน้ำมันก็เป็นเครื่องยืนยันว่าถูกฆ่าเผาแน่ๆ

มีโอกาสที่จะทำให้คดีอุ้มหาย ซึ่งความเสียหายต่อระบบยุติธรรมไทย สามารถคลี่คลาย และมีแนวโน้มจะดำเนินคดีกับคนกระทำผิดในข้อหาฆาตกรรมได้

คดีนี้จะเป็นเครดิต สร้างความเชื่อถือให้กับกระบวนการยุติธรรมฟื้นคืนมาได้

ดังนั้น รัฐบาลมีแต่ต้องสนับสนุนให้คณะทำงานคลี่คลายคดีของดีเอสไอและสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้ทำความจริงให้ปรากฏ

ทั้งไม่ควรมีเจ้าหน้าที่รัฐคนไหน ออกมาตีรวนหรือขัดขวางกระบวนการทำงานของดีเอสไอ

สุดท้ายการทำคดีของดีเอสไอ ก็ยังต้องผ่านการรวบรวมพยานหลักฐานที่ชัดเจนแน่นอน ผ่านการส่งฟ้อง กลั่นกรองของอัยการ ก่อนจะไปสู่ศาล

ยังมีขั้นตอนอื่นๆ อีกมากมาย

สำคัญที่สุด การพิสูจน์ว่าชิ้นส่วนกระดูกเหล่านั้นเป็นของนายบิลลี่หรือไม่ ต้องใช้วิทยาศาสตร์ ไม่มีใครมาสร้างเรื่องใส่ร้ายใครได้

ที่ดีเอสไอกำลังทำ เป็นความพยายามสร้างความเชื่อมั่นของระบบยุติธรรม

เป็นการให้คำตอบต่อองค์กรต่างๆ ทั่วโลก ที่สนใจคดีหายตัวของแกนนำชาวกะเหรี่ยงบางกลอยนี้มาตลอด ทั้งยังโยงใยไปถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการบุกเผาทำลายบ้านและยุ้งฉางของชาวกะเหรี่ยง โดยฝีมือเจ้าหน้าที่อุทยาน อันเป็นต้นเหตุที่ทำให้นายบิลลี่ต้องต่อสู้เพื่อสิทธิของชุมชนก่อนจะหายตัวไปและพบชิ้นส่วนศพในขณะนี้

เป็นคำถามเดียวกันที่คณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก ตั้งขึ้นมาจนมีส่วนทำให้ป่าแก่งกระจานพลาดการได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกไปเมื่อไม่นานมานี้

การคลี่คลายคดีนี้ของดีเอสไอจึงเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องความเชื่อมั่นระดับประเทศ

ดังนั้นรัฐบาลต้องไม่ปล่อยให้มีอุปสรรคขัดขวางใดหรือจากเจ้าหน้าที่รัฐในหน่วยงานอื่นใด

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image