ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เสวนา “จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่” ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า สถานการณ์ปัจจุบัน พ่อค้าแม่ค้าขายของไม่ได้ เกิดจากปัจจัยภายนอกและภายใน ภายนอกมหาอำนาจทะเลาะกัน ส่วนภายในที่ทุกคนไม่ได้พูดกัน เพราะรัฐบาลแก้บ้างไม่ได้แก้บ้าง ขอย้อนไป 2557 เศรษฐกิจมีปัญหามากกว่านี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติอยู่ที่ 1% ส่งออกติดลบ การลงทุนเอกชนชะงัก ยาง ข้าว ราคาลงทั้งหมด ตนเองพยายามแก้ราคาข้าว ที่เราค้างอยู่ 17 ล้านตันจากจำนำข้าว ส่วนทั้งโลกมี 33 ล้านตัน แต่ปีแรกที่ตนอยู่ไม่มีปล่อยข้าวเลย รมว.พาณิชย์เป็นทหาร บังคับเขาไม่ได้ มาขายปี 2559-2560 ซึ่งช้าเกินเหตุ จากที่ควรเสีย 3 ล้านตัน แต่เสียเกือบหมด
อดีตรองนายกฯกล่าวอีกว่า การเมืองอยู่ที่ความกล้าของผู้นำ มีทั้งสติปัญญา และความกล้า หากผู้นำเปิดใจฟัง จนเข้าใจและกล้าตัดสินใจ ประเทศจะเดินได้ดีกว่านี้ รัฐบาลเผด็จการจะเปลี่ยนยาก และยังใช้อำนาจข่มขู่คนที่วิจารณ์ ความจริงรัฐบาลต้องวิจารณ์ได้ รัฐบาลนี้ใจไม่กว้าง ไม่เสาะหาคนเก่งเข้าร่วมทำงานด้วย ไม่มีนักเศรษฐศาสตร์มหภาคที่มองภาพกว้าง ความจริงมีคนเก่งให้เลือกเยอะมาก วินัยการคลังถือว่าเหลวแหลกมาก ใช้จ่ายไม่มีประสิทธิภาพ ซื้อได้อย่างไร เรือดำน้ำ และเวลาที่ประเทศขาดดุลหลายปี รัฐมนตรีคลังกลับมาแจกเงินให้คนท่องเที่ยว รัฐธรรมนูญปัจจุบันเอื้อให้ทหารสืบทอดอำนาจ ถ้าได้นายกฯจากคนเก่งประเทศยังไปต่อได้ แต่เราไม่มีแบบนั้น ทำให้รัฐบาลพลเรือนในปัจจุบันไปต่อไม่ได้
เป็นการวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา จากอดีตรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจในรัฐบาล คสช.ยุคแรก ที่เคยร่วมรัฐบาลและเห็นปัญหาในการบริหารงานในระยะเวลา 5 ปีเศษที่ผ่านมา ประเด็นสำคัญก็คือ รัฐบาลทหารในปี 2557 มีทหารเป็น ครม.และเกิดปัญหาการบริหารงาน ส่วนรัฐบาลปัจจุบันไปต่อได้ยาก เพราะรัฐธรรมนูญเอื้อให้ทหารสืบทอดอำนาจ แต่ไม่ได้ผู้นำที่เก่งพอ ไม่สามารถเลือกคนเก่งมาทำงานได้ ถ้าการเมืองเปิดกว้างมากกว่านี้ ให้ประชาชนตัดสินผู้นำ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ถ้าทำงานไม่ได้ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการเมือง แทนที่จะนั่งในตำแหน่งแม้ว่าทำงานล้มเหลว
