บทนำ : โรงงานขู่ปิดยาว

นายวิรัช ปิยพรไพบูลย์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมสับปะรดไทย เจ้าของโรงงานแปรรูปสับปะรดส่งออก อ.ปราณบุรี และประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำหนังสือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าโรงงานสับปะรดกระป๋องทุกแห่งใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะไม่เปิดการผลิตสับปะรดฤดูกาลปี 2562-2563 จนกว่า กรมการจัดหางาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงงาน แก้ไขข้อกำหนดการจ้างแรงงาน ต้องทำสัญญาจ้างแรงงาน 12 เดือน และต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นรายบุคคลอีกไม่เกินคนละ 10,000 บาท

นายสุวรรณ์ ดวงตา รองอธิบดีกรมการจัดหางานชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ไทยได้เจรจาร่วมกับ 4 ประเทศเพื่อนบ้าน คือ เมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ในประเด็น 1.แรงงานต่างด้าวที่จะเข้ามาทำงานในประเทศไทยต้องผ่านการตรวจสุขภาพที่ประเทศต้นทาง 2.ต้องผ่านการตรวจประวัติอาชญากรรมก่อนมา 3.ระยะเวลาการจ้างงานให้ขึ้นอยู่กับความต้องการของนายจ้าง ไม่จำเป็นต้องทำงาน 2 ปี ซึ่งขณะนี้มี เมียนมา และเวียดนาม ให้ความเห็นชอบ และกระทรวงการต่างประเทศรับทราบแล้ว เตรียมเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามขั้นตอน จากนั้นจะทำเอ็มโอยูกับทั้ง 2 ประเทศ

ส่วนกรณีค่าใช้จ่ายนั้น นายสุวรรณ์เปิดเผยว่า จะมีค่าดำเนินการจ้างแรงงานต่างด้าวต่อหัวรวมทุกหน่วยงานไม่เกิน 5,000 บาทเท่านั้น ประกอบด้วย 1.ค่าตรวจสุขภาพ 500 บาท 2.ค่าประกันสุขภาพตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ปีละ 1,600 บาทต่อคน โดยเร็วๆ นี้ จะปรับลดให้สอดคล้องกับระยะเวลาการจ้างงาน เช่น 3 เดือน 6 เดือน 3.ค่าดำเนินการขออยู่ในราชอาณาจักรไทยชั่วคราว 500 บาท 4.ค่าคำขอใบอนุญาตทำงาน 100 บาท 5.ค่าใบอนุญาตทำงาน 800 บาทต่อปี 6.ค่าประกันคนต่างด้าว 1,000 บาท ส่วนนี้เมื่อกลับประเทศต้นทางจะได้คืน และ 7.ค่าธรรมเนียมในการปรับปรุงประวัติต่างด้าว 80 บาท

กลายเป็นข้อขัดแย้งกันระหว่างภาครัฐในฐานะผู้กำหนดค่าธรรมเนียมและอื่นๆ กับภาคเอกชนซึ่งเป็นผู้จ่ายจริง จึงเป็นสิ่งที่ต้องเร่งแสวงหาว่าทำไมผู้ประกอบกิจการจึงต้องจ่ายเงินถึงหัวละ 10,000 บาท ทั้งๆ ที่ภาครัฐกำหนดค่าใช้จ่ายไม่เกิน 5,000 บาท นอกจากนี้ในจำนวน 5,000 บาทดังกล่าวก็ต้องสำรวจต่อไปว่ามีผลกระทบต่อปริมาณแรงงาน และความต้องการใช้แรงงานของไทยมากน้อยแค่ไหน ทั้งเพื่อป้องกันมิให้ปัญหาค่าใช้จ่ายสำหรับแรงงานต่างด้าวบานปลายกลายเป็นปัญหาภาคการผลิตต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image