ผู้เขียน | สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา |
---|
ไม่แน่ใจว่า สาเหตุที่รัฐบาลบิ๊กตู่จัดตั้งคณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจขึ้นมา
เป้าหมายหลักเพื่อต้องการจะแก้ปัญหาปากท้องประชาชนจริงๆ
หรือเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งของทีมเศรษฐกิจ ที่มาจากหลายพรรคกันแน่
เพราะดูเหมือนการให้ความสำคัญในการเรียกประชุมของ ครม.เศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
ไม่เข้มข้นรวดเร็วทันอกทันใจเท่าที่ควร
ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกประชุม ครม.เศรษฐกิจเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง
หลายคนจึงสงสัยว่านายกรัฐมนตรี ให้ความสนใจกับปัญหาเศรษฐกิจมากพอแล้วหรือไม่
เพราะดูเหมือนมาตรการที่เข็นออกมา ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใช้งบกว่า 3 แสนล้านบาท
รวมทั้งมาตรการดึงดูดการลงทุนที่หนีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนมา
ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น เมื่อเทียบกับปัญหาที่พาเหรดกันเข้ามา
พล.อ.ประยุทธ์เองก็ออกมายอมรับว่าเศรษฐกิจไม่ได้สดใส
แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ อย่างที่นักธุรกิจคาดหวัง
ครั้นจะหันไปพึ่ง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
แต่นายสมคิดก็ออกมาปัดว่าตัวเองไม่ใช่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า การขับเคลื่อนทีมเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ออกมาแสดงความเป็นห่วงว่า
ขณะนี้มีหลายปัจจัยเกิดผลกระทบกับไทยทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ทั้งปัญหาค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นติดอันดับโลก
ซ้ำเติมการส่งออกของไทยจากปัญหาสงครามการค้า
ทำให้ราคาสินค้าไทยจะแพงกว่าประเทศคู่แข่ง
นักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีนหนีหายไปจำนวนมาก เพราะค่าใช้จ่ายมาเที่ยวเมืองไทยสูงขึ้น
ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยสูงอันดับ 2 ของเอเชีย รองจากเกาหลีใต้
และเป็นอันดับ 11 ของโลก จากทั้งหมด 74 ประเทศ
ยังมีปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยเริ่มชะลอตัว
ยอดขายรถยนต์ ตัวเลขการบริโภค ตัวเลขความเชื่อมั่นต่างๆ เริ่มลดลง
รัฐบาลอาจจะออกมายืนยันว่า รัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจเต็มที่
แต่ก็ถือว่ายังไม่เพียงพอรับมือกับปัญหาที่ประเดประดังเข้ามามากมาย
กลุ่มคนที่มีอันจะกิน หรืออยู่ใกล้ศูนย์อำนาจ อาจไม่รู้สึกว่าเศรษฐกิจฝืดเคืองขนาดไหน
ลองไปถามชาวบ้านร้านรวง โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและเล็ก ต่างส่ายหัวกันดิก
เพราะนอกจากค้าขายไม่ดีแล้ว หลายธุรกิจยังโดนธุรกิจรายใหญ่กลืนหายไปจำนวนมาก
แถมยังมีต้นทุนการใช้ชีวิตเพิ่มขึ้น สารพัดค่าใช้จ่ายต่อคิวกันเข้ามา
จนกระทั่งหามาไม่พอใช้ ต้องกู้หนี้ยืมสินมาประทังชีวิต
แตกต่างจากธุรกิจรายใหญ่ ต่างอู้ฟู่ ตัวเลขรายได้พุ่งขึ้นกันเป็นแถว
ดังนั้นรัฐบาลควรจะว่องไวกระฉับกระเฉงในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจมากกว่านี้
อย่าใช้วิธีเดิมๆ เหมือนตอนเป็นรัฐบาล คสช. เพราะขณะนี้โจทย์ต่างๆ เปลี่ยนไปแล้ว มาตรการเดิมๆ วิธีคิดเดิมๆ ไม่ได้ผลแล้ว
ควรจะกล้าหาวิธีใหม่ๆ ปรับวิธีคิดใหม่ๆ เช่น อาจเร่งการเลือกตั้งท้องถิ่นให้เกิดขึ้นโดยเร็ว หรือเร่งผลักดันโครงการ 5 จี
เชื่อว่าน่าจะเป็นข่าวดี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่น้อย
ไม่เชื่อว่ารัฐบาลนี้จะไร้ความสามารถในการแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน
แต่ถามว่าเพราะเหตุใด การแก้ปัญหาเศรษฐกิจถึงกระท่อนกระแท่นแบบนี้
หรือว่ารัฐบาลมัวแต่ห่วงเรื่องปัญหารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ
เลยให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้องประชาชนไม่ได้เต็มที่
ถ้าเป็นอย่างนี้ล้มโต๊ะ ล้างไพ่ เลือกตั้งใหม่ กันเลยดีมั้ย เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น