ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ |
---|
แปลกแต่จริง การเมืองหลังการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2562 กลับอยู่ในอุ้งมือพรรคฝ่ายค้าน
หลังจากได้ตัวนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนพฤษภาคม มีการจัดตั้งรัฐบาล โดยรัฐบาลได้บริหารประเทศมา 3 เดือน
ผลงานที่ได้รับการกล่าวขวัญกลับกลายเป็นงานของพรรคฝ่ายค้าน
งานริเริ่มของพรรคฝ่ายค้านที่ปรากฏ เป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในสภาผู้แทนราษฎร
การรณรงค์ให้สังคมตระหนักและร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ รวมทั้งร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
แม้จะเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
แต่ความคืบหน้าของข้อเสนอกลับกลายเป็นของฝ่ายค้าน
การยื่นญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฝ่ายค้านยื่นก่อน
แล้วจึงตามด้วยพรรคร่วมรัฐบาล
งานการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งเรื่องนี้ย่อมเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านอยู่แล้ว
แต่ปรากฏว่าระยะเวลาเพียง 3 เดือน ฝ่ายค้านกลับต้อน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซะเข้ามุม
อาจจะเป็นเพราะฝ่ายค้านจับทางได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่นิยมมาสภา
การตรวจสอบทั้งกระทู้สด กระทู้แห้ง ทั้งการซักฟอก จึงตอกย้ำให้สังคมมองเห็น
นายกฯพยายามหนีสภา
ยิ่งหมัดส่งท้ายก่อนสภาปิดสมัยประชุมที่พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายซักถาม พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล เกี่ยวกับการถวายสัตย์ และการแถลงนโยบายของรัฐบาล
ยิ่งตอกย้ำผลการทำงานของพรรคฝ่ายค้านในฐานะฝ่ายตรวจสอบ
เช่นเดียวกับงานการบริการประชาชน โดยเฉพาะงานดูแลประชาชนผู้ประสบอุทกภัย
งานด้านนี้ฝ่ายบริหารน่าจะโดดเด่นกว่าฝ่ายค้าน เพราะเป็นผู้ถืองบประมาณ และกำลังคน
แต่ผลที่ปรากฏกลับกลายเป็นว่า ผลงานของฝ่ายค้านก็เด่นกว่าฝ่ายรัฐบาล
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ ของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เป็น ส.ส. แต่ลงพื้นที่บ่อยมาก
มีภาพปรากฏอยู่เนืองๆ รวมทั้งพรรคฝ่ายค้านที่เข้าไปคลุกคลีกับประชาชน
สร้างความแนบแน่นกับผู้ประสบภัยให้เห็น
แม้รัฐมนตรีจะสลับกันลงพื้นที่อยู่ประจำไม่แพ้กัน แต่ภาพการออกตรวจและการช่วยเหลือกลับแตกต่าง
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์นั้นน่าสงสาร แม้พยายามดูแลประชาชนเต็มที่ตามอำนาจ
แต่ภาพลักษณ์ที่ออกมากลับถดถอย
ภาพที่ไปเยือนจังหวัดสุราษฎร์ธานีขณะที่อุบลราชธานีน้ำท่วมนั้นกลายเป็นประเด็นการเมือง
ภาพการไปเยือนจังหวัดอุบลราชธานี แต่ไปแขวะ ส.ส.พื้นที่เรื่องการต้อนรับคณะนายกฯ
เป็นอีกเรื่องที่กลายเป็นประเด็นการเมือง
สุดท้ายคือภาพข่าวที่ชาวบ้านถูกเจ้าหน้าที่สั่งให้รื้อเพิงโดยอ้างว่าเป็นเส้นทางที่นายกฯจะผ่าน
ได้สร้างภาพลบให้แก่รัฐบาลมากกว่าเป็นภาพบวก
นี่ยังไม่รวมถึงความเคลื่อนไหวของ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” และเงินบริจาคก้อนโต
สรุปได้ว่า 3 เดือนที่ผ่านมา แทนที่รัฐบาลจะได้เปรียบในด้านการทำงาน
แทนที่รัฐบาลจะเป็นผู้สร้างผลงานให้ประจักษ์
ผลงานกลับไปอยู่ที่พรรคฝ่ายค้าน
ทั้งเรื่องบริหาร เรื่องตรวจสอบ และความคิดริเริ่ม โดดเด่นกว่ารัฐบาล
มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
นฤตย์ เสกธีระ
[email protected]