คนโง่เง่า : วีรพงษ์ รามางกูร

บางทีการที่จะวิพากษ์วิจารณ์ว่าผู้ใดโง่เขลาเบาปัญญาหรือฉลาดหลักแหลม ก็ต้องเปรียบเทียบกับตำแหน่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ พร้อมกับพิจารณาถึงระดับการศึกษา สถาบันการศึกษา รวมทั้งชาติตระกูลต้นกำเนิด

สำหรับผู้ไม่มีตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบที่จะทำประโยชน์ให้เกิดโทษเกิดภัยได้ ความโง่เขลาก็อาจจะมีมากได้ ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายหรือสถาปนาตนเองขึ้นมารับผิดชอบ เพราะตำแหน่งหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมายหรือสถาปนาตัวเองขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ที่สำคัญ ความโง่เขลาเบาปัญญาก็ต้องไม่มีมากหรือไม่มีเลย ที่ต้องมีคือความเฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง

ระดับการศึกษาและสถานศึกษา ถ้าเป็นคนที่มีระดับการศึกษาแค่ระดับการศึกษาภาคบังคับ เช่น สมัยก่อนจบการศึกษาแค่ประถมปีที่ 4 หรือปัจจุบันคือชั้นประถมปีที่ 6 จะแสดงความโง่เขลาเบาปัญญาบ้าง เช่น พูดภาษาต่างประเทศผิดๆ ถูกๆ ตั้งใจจะพูดอย่างหนึ่งแต่พูดเสียอีกอย่างหนึ่ง ผู้คนก็จะให้อภัย ไม่ว่าไม่ตำหนิติเตียน

แต่ถ้าผู้พูดมีการศึกษาระดับอุดมศึกษาและจบการศึกษาจากสถาบันการศึกษาอันทรงเกียรติ มีศิษย์เก่ามากมายที่ได้ทำคุณทำประโยชน์ให้ประเทศชาติไว้เป็นที่ประจักษ์ ผู้ที่สามารถสอบผ่านจนจบการศึกษาก็ไม่น่าจะโง่เขลาเบาปัญญาพูดผิดๆ ถูกๆ ได้ขนาดนี้

Advertisement

แต่ถ้าศิษย์เก่าผู้ใด เกิดมีตำแหน่งที่ควรจะต้องฉลาดปราดเปรื่องแล้วเกิดโง่เขลาเบาปัญญา แม้จะไม่หนักหนา ผู้คนก็จะวิพากษ์วิจารณ์ว่าโง่เขลาเบาปัญญามาก ถ้าเกิดเป็นผู้ที่จบการศึกษาชั้นอุดมศึกษายิ่งจากมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาของรัฐ ก็จะยิ่งเป็นที่กล่าวขวัญมากว่าขนาดเรียนจบจากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ทำไมจึงเขลาได้ขนาดนี้

สําหรับประเทศไทยหรือประเทศอังกฤษหรือประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรป หรือมหาวิทยาลัยเก่าแก่ในสหรัฐอเมริกา ที่เรียกกันว่ามหาวิทยาลัยใน “ชมรมไม้เลื้อย” หรือ Ivy League หรือมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด 10 แห่ง หรือ Top Ten แม้จะแสดงความโง่เขลาเบาปัญญาเพียงเล็กน้อย แม้ว่าตนจะโง่เขลาเบาปัญญาอยู่มากสำหรับหลายๆ เรื่อง ผู้คนก็จะตำหนิติเตียนหนักกว่าผู้ที่มีวุฒิการศึกษาต่ำเหล่านั้น เช่น ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือปีที่ 6 หรือจบจากมหาวิทยาลัยชั้น 2 หรือมหาวิทยาลัยเอกชนที่ไม่ได้รับความนิยมในหน่วยงานราชการหรือบริษัทห้างร้านเอกชน

นอกจากพิจารณาจากระดับการศึกษาอบรม สถาบันการศึกษา การอยู่ในแวดวงของผู้มีสติปัญญาหลักแหลม หรือในแวดวงผู้ที่ได้รับการศึกษาสูง แม้ว่าตนเองจะมีระดับการศึกษาอย่างเป็นทางการไม่สูงเท่าก็ต้องปรับปรุงตนเอง รู้เท่าทันและสามารถเข้าร่วมวงสนทนาพาทีกับคนในกลุ่มนั้นให้ได้ มิควรต้องถูกดูหมิ่นดูแคลน อย่างน้อยก็ในใจว่าร่ำเรียนมาเสียเปล่า แต่ไม่มีสติปัญญาเสียเลย

Advertisement

หลายคนโชคดี ทำมาค้าขายมีทรัพย์สมบัติมากมาย อาจจะเป็นเพราะวิ่งเต้นเก่ง สามารถเข้าสู่ระบบอุปถัมภ์ หรือสามารถหาช่องทางเข้าถึง “ผู้หลักผู้ใหญ่” ที่จะบันดาลให้ตนสามารถผูกขาดการสร้างค่าเช่าทางเศรษฐกิจหรือ “economic rent” จากการผูกขาดของตนได้ หากพูดจาผิดพลาดจากความที่มีระดับการศึกษาต่ำแต่คิดว่าตนฉลาดกว่าคนอื่น เพราะได้รับการสรรเสริญเยินยอจากลูกน้อง ลูกจ้าง พนักงานในบริษัทในกลุ่ม หรือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา พูดอะไรออกไปอย่างไม่ระมัดระวัง หรืออ่านจากที่ลูกน้องจะเอาใจ เขียนให้ผิดๆ ก็อาจจะกลายเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญาในสายตาของสาธารณชนได้

แต่ด้วยความเกรงใจเพราะเป็นคนมีเงิน มีธุรกิจและมีทรัพย์สมบัติมาก แม้ว่าจะมีหนี้สินทั้งหนี้สินระยะยาวและหนี้สินหมุนเวียนจำนวนมาก หรือไม่ก็เกรงใจเพราะอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ อาจจะให้คุณให้โทษกับผู้คนได้มาก จะแสดงความโง่เขลาเบาปัญญาอยู่บ้างเป็นครั้งเป็นคราวผู้คนก็จะไม่สังเกต

สังคมไทยไม่เหมือนสังคมฝรั่ง ชอบยกย่องคนมีอำนาจและคนมีสตางค์ มีธุรกิจใหญ่โต จะโง่เขลาบ้างก็ไม่เป็นไร แต่ไม่สู้จะยกย่องคนที่มีสติปัญญา มีมันสมองเฉลียวฉลาด เป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิตเหมือนสังคมจีน ไม่ว่าจะสมัยจักรพรรดิฮ่องเต้หรือสมัยสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ สังคมไทยยกย่องคนฉลาดแกมโกง ถ้าโกงมาได้แล้ว “รู้รักษาตัวรอด” ก็จะถือว่า “เป็นยอดดี” กลายเป็นคนฉลาด แต่ถ้าเป็นคนซื่อใจสะอาด อาจจะถูกตำหนิว่าเป็นคนโง่เขลาที่ภาษาจีนแต้จิ๋วเรียกว่า “สี่ปังท้าว” หรือ “หัวสี่เหลี่ยม”

การมีชาติตระกูล มีชาติกำเนิดวงศ์สกุลก็สำคัญ ถ้ากำเนิดเกิดมาในวงศ์สกุลที่มีชื่อเสียง บรรพบุรุษเคยมีตำแหน่งหน้าที่สูงหรือวงศ์ตระกูลที่ร่ำรวย มีทรัพย์ศฤงคารมากมาย ก็จำเป็นต้องมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด แต่หากต้องไปทำงานเป็นกรรมกร กวาดถนน เก็บขยะเป็นภารโรง เรียนหนังสือไม่จบชั้นประถมหรือมัธยม ถ้าจะด้อยสติปัญญาอยู่บ้าง หากไม่ถึงกับโง่เขลาก็ไม่เป็นปัญหา ดังนั้นชาติตระกูลนามสกุลก็เป็นภาระที่สำคัญหนักหน่วงอยู่ไม่น้อย สำหรับสมาชิกในวงศ์สกุลนั้นๆ

ไม่แน่ใจว่าโชคดีหรือโชคร้ายสำหรับผู้ที่เลือกเกิดไม่ได้ แต่สังคมไทยเป็นเช่นนั้นและคงจะเป็นเช่นนั้นต่อไปในอนาคต ดังนั้น ผู้ดีมีตระกูล ไม่ว่าร่ำรวยมาจากไหน สติปัญญาพอจะร่ำเรียนในมหาวิทยาลัยเมืองไทยได้หรือไม่ หรือต้องไปเรียนต่อที่เมืองนอกเมืองนา ก็จะแสดงความโง่เขลาเบาปัญญาไม่ได้

ความโง่เขลานั้นมีไว้สำหรับ “คนจน” คนที่ครอบครัวไม่มีกำลังเงิน ไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะส่งเสียให้บุตรหลานของตนไป “ชุบตัว” โดยการไปศึกษาร่ำเรียนวิชาเย็บปักถักร้อยหรือวิชาการเรือน ทำครัว ทำอาหาร จากอังกฤษหรือฝรั่งเศสหรือประเทศอื่นๆ ได้ ก็ถือว่าตนฉลาดแล้วจะโง่เขลาเบาปัญญาไม่ได้

ความฉลาดเฉลียวหรือความโง่เขลาเบาปัญญา บางทีก็ไม่มีความสัมพันธ์กับชาติกำเนิด กับสังคมและสิ่งแวดล้อมการศึกษาอบรม แต่เกิดขึ้นเอง ผู้ที่มีคุณสมบัติเช่นนี้บางทีก็เรียกว่าผู้มี “พรสวรรค์” นักปราชญ์ นักประพันธ์ กวี หลายคนทั้งในและต่างประเทศมีต้นกำเนิดและเติบโตขึ้นมาจากที่ต่ำต้อย ไม่มีโอกาสได้เข้าศึกษาเล่าเรียนจากสำนักการศึกษาที่เป็นทางการ ต้องศึกษาเรียนรู้เรื่องต่างๆ ด้วยตนเอง อาจอยู่ในฐานะเป็นเด็กวัดหรือบวชเป็นสามเณรหรือพระภิกษุ ศึกษาเล่าเรียนภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสจากเศษกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ใช้ห่อสิ่งของมาถวายพระหรือถวายวัด เป็นต้น

บางทีความฉลาดหรือความโง่ก็เป็นเรื่องการเปรียบเทียบในสายตาของประชาชน หรือของสื่อมวลชนทั่วไป เช่น การไปแจกเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่จังหวัดอุบลราชธานี ที่อดีตดารานักแสดงภาพยนตร์หรือละครทีวีที่หายหน้าหายตาไปนาน ได้ชิงเนื้อที่ในสื่อหลักไปโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือตั้งใจก็ตาม แต่ด้วยความโง่เขลาของบุคคลสาธารณะ คนที่ไม่ได้มี “ประชาชน” อยู่ในจิตใต้สำนึก เพราะตนเองไม่ได้อยู่ในใจของประชาชน แม้จะทำตามอย่างแต่ผล
ออกมาก็ไม่เหมือนกัน ผู้คนไม่มีอารมณ์ร่วมด้วยเพราะเห็นแล้วว่าในใจนั้นไม่มีประชาชนอยู่จริง

เมื่อต่างคนต่างก็มีการเปิดรับบริจาคจากประชาชน ผู้บริจาคที่ไม่ใช่บริษัทห้างร้านที่หวัง “เอาหน้า” ทำประชาสัมพันธ์และสามารถหักภาษีได้ ให้ความไว้วางใจกับอดีตดาราคนนั้นมากกว่า ทั้งในแง่จำนวนเงินและที่มาของเงิน ทั้งๆ ที่ได้หายหน้าหายตาไปนาน อีกคนหนึ่งเห็นหน้าเห็นตาอยู่ทุกวันแต่กลับปลุกความนิยมไม่ได้..

คนไทยจำนวนมากชื่นชมและยกย่องคนปลิ้นปล้อนฉลาดแกมโกงอย่าง “ศรีธนญชัย” และไม่มีความละอายใจที่จะทำในสิ่งที่ตนต่อต้าน เคยคัดค้านกับสาธารณชนว่าตนไม่เห็นด้วย เมื่อได้โอกาสก็สามารถกลืนน้ำลายของตนได้ คงจะเพราะความโง่เขลาเบาปัญญา ไม่คิดว่าผู้คนจะจำได้ สมัยนี้การบันทึกทำได้ทั้งเสียงทั้งภาพ ไม่จำเป็นจะต้องเขียนเป็นบันทึกเท่านั้น

การมีผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีอำนาจเหนือผู้บังคับบัญชา บางคนก็ชอบ บางคนก็ไม่ชอบ ที่ชอบก็เพราะจะได้พึ่งตัวเอง ทำให้ตัวเองมีความสำคัญ มีอำนาจเพราะสามารถจูงจมูกผู้บังคับบัญชาได้ บางคนก็ไม่ชอบ รำคาญ เพราะต้องอธิบายแจงสี่เบี้ยกว่าจะทำให้เข้าใจได้ หรือกว่าจะเข้าใจได้ก็สายเกินไปเสียแล้ว

ผู้บังคับบัญชาประเภทนี้มักจะเป็นผู้บังคับบัญชาที่เป็นเจ้าของทุน เจ้าของบริษัท ที่ชอบอวดว่าตัวรู้ดีรู้หมด ลูกน้องไม่กล้าขัดใจ สื่อมวลชนก็ต้องพึ่งพารายได้จากการโฆษณาก็เกรงใจไม่กล้าขัดใจ ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ เอาตามคำพังเพยที่ว่า “รวยเสียอย่าง พูดอะไรก็ถูก” คนพูดก็เลยโง่ไปเรื่อยๆ โดยไม่มีวันรู้ว่าสาธารณชนเขาวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร

แต่ผู้ปกครองบางคนทนความโง่ไม่ได้ มีเรื่องเล่าเชิงตลกขบขันว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จอมเผด็จการหัวหน้านาซีเยอรมัน กล่าวว่า คนที่ฉลาดแล้วขยันเป็นคนที่ต้องเก็บไว้ใช้ คนที่ฉลาดแล้วขี้เกียจก็ยังเป็นประโยชน์ แต่คนที่โง่แล้วขยันนั้น

ให้เอาไปทำปุ๋ยเสีย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image