สภาพการณ์ทางการเมืองในห้วงแห่งร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 แม้ภายในจะดำรงอยู่ในลักษณะ “ปริ่มน้ำ”
แต่ก็ยังไม่จม
ความเป็นจริงเช่นนี้อย่าว่าแต่ผู้มากด้วยความจัดเจนระดับ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา จะอ่านออก
หากละอ่อนอย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็เข้าใจ
จึงยังมิใช่ “วันเผด็จศึก” ในความหมายเดียวกัน เดอะ ลองเกสท์ เดย์ ตรงกันข้าม ยังเป็นไปในกระบวนท่า “หว่านเมล็ดพันธุ์”
เหมือนการขานชื่อนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน
เหมือนการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลระหว่างวันที่ 25-27 กรกฎาคม และเหมือนการอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติเมื่อวันที่ 18 กันยายน
เท่ากับเป็นการสะสมในเชิง “ปริมาณ” ทางความคิด ทางการเมือง
หากเทียบกับการขานชื่อนายกรัฐมนตรี หากเทียบกับการอภิปรายนโยบายรัฐบาล หากเทียบกับการอภิปรายกรณีถวายสัตย์ปฏิญาณตน
“งบประมาณ” มีขอบเขตกว้างขวางใหญ่โตกว่า
ประการสำคัญมิได้จำกัดเพียงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เท่านั้น หากแต่สามารถย้อนกลับไปยัง 5 ปีก่อน
ไล่กันตั้งแต่รัฐประหาร 2557 มาเลย
ถามว่าผลงานและความสำเร็จในทางเศรษฐกิจบนพื้นฐานแห่ง “ประชารัฐ” เป็นอย่างไร แตกต่างจากที่เคยสาดน้ำร้อนน้ำเย็นเข้าใส่ “ประชานิยม” หรือไม่
เพียงมองหน้า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็ประจักษ์
ถามว่าผลงานและความสำเร็จในเรื่องการปฏิรูปการเมือง ในเรื่องการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์เป็นอย่างไร
เพียง 2 คำถามก็ยิ้มเห็นแก้ม แย้มเห็นไรฟัน
เป็นไปได้ว่าแสงแห่งสปอตไลต์จะฉายจับไปยัง 1 กระทรวงกลาโหม 1 กระทรวงในทางเศรษฐกิจ คราวนี้แหละที่เคยสงสัยว่าจะปฏิบัติตามมาตรา 163 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่
ก็คงจะเป็นที่ “กระจ่าง” สว่างแก่ใจ
คำตอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทรงความหมายเป็นอย่างสูง จะพึ่งบริการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเหมือนเดิม
ไม่น่าจะงดงาม
ยิ่งคำถามในประเด็นที่ กอ.รมน.สำแดงบทบาทเหมือนที่ คสช.เคยกระทำในกรณี มาตรา 116 ยิ่งมากด้วยความอ่อนไหว แหลมคม
ยิ่งคำถามในเรื่องการจัดซื้อ “ยุทโธปกรณ์” ยิ่งทรงความหมาย
ทั้งหมดนี้ย่อมสัมพันธ์อย่างแนบแน่นระหว่างงบประมาณและโครงการในทางเศรษฐกิจกับการลงทุนด้านความมั่นคง
ถามแล้วก็รอคำตอบ
ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ผ่านวาระแรกอย่างแน่นอน แต่คำถามก็คือรอยแผลจะบังเกิดขึ้นอย่างไร
สปอตไลต์ย่อมฉายจับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ปมเงื่อนอยู่ตรงที่แต่ละคำถามก็จะก่อให้เกิดความกังขาขึ้นในพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา แค่ไหน
“รอยแผล” นี้จะต่อเนื่องไปยัง “อภิปรายไม่ไว้วางใจ”