ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ |
---|
การประชุมสมัยสามัญ สภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 2 เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน แต่มีการเรียกประชุมนัดแรกวันที่ 6 พฤศจิกายน
การประชุมสภาสมัยนี้มีเรื่องราวที่น่าติดตาม และอยากชักชวนให้คนไทยได้สดับวาระการประชุมสภา
แม้ทีแรกคิดว่าญัตติด่วนเรื่องการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเข้าพิจารณา
แต่ขณะนี้มีข่าวว่าต้องรอการพิจารณาญัตติอีกญัตติหนึ่งก่อน
นั่นคือ ญัตติเกี่ยวกับผลกระทบต่อการใช้อำนาจ ม.44 ของ คสช.ออกคำสั่งต่างๆ
มีการประเมินกันว่า การอภิปรายในญัตติดังกล่าวจะเข้มข้นพอๆ กับอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ทั้งนี้ เพราะ ม.44 เคยเป็นดาวร้ายในสายตาของนักประชาธิปไตยมาตลอด 5 ปีของ คสช.
จากวันนั้นถึงวันนี้ ยังไม่เคยเห็นคนที่ใช้ ม.44 กับคนอยู่ฝ่ายถูก ม.44 กระทำได้พบหน้ากัน และพูดคุยกันในประเด็นนี้
การใช้เวทีสภาเป็นสถานที่พบหน้าพูดคุยกันก็ถือว่าสมควร
พูดจากันซะ ทั้งผลจากการใช้ ม.44 กับบุคคล และการใช้ ม.44 กับนิติบุคคล
ทั้งการใช้ ม.44 จำกัดสิทธิเสรีภาพของคนเห็นต่างจนเกิดเป็นคดีบุคคล
และการใช้ ม.44 แล้วเกิดคดีใหญ่อย่างเช่นเหมืองทองคำ
รวมทั้งอาจจะมีกรณีอื่นๆ
หลังจากพิจารณาญัตตินี้แล้ว คาดว่าสภาจะพิจารณาญัตติตั้งกรรมาธิการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แม้การพิจารณาเรื่องนี้จะแค่ตีกรอบหาวิธีแก้ไข
แต่ดูเหมือนว่า เพียงเริ่มต้นสัญญาณเชิงบวกก็ปรากฏออกมา
อย่างน้อยข้อเสนอที่อยากให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นประธานคณะกรรมาธิการ โดยมีพรรคการเมืองฝ่ายค้านสนับสนุนก็เป็นสัญญาณดี
ทั้ง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ
ต่างไม่ขัดข้อง
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์นั้น มี นายเทพไท เสนพงศ์ สนับสนุนเต็มที่
ล่าสุดพรรคพลังประชารัฐประกาศขวาง พร้อมยืนยันว่าประธานคณะกรรมาธิการต้องเป็นคนของพรรคแกนนำเท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือเห็นแย้ง แค่แสดงความคิดเห็น ก็ถือว่าทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ในวาระ 2-3 ที่ต้องมีโหวต
เชื่อว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณน่าจะผ่านไปได้ในที่สุด แต่เกมการต่อรองของบรรดาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องนี่สิ น่าสนใจ
อีกวาระหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการประชุมสภาสมัยนี้ นั่นคือ การยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ความน่าสนใจอยู่ที่การนำเสนอข้อมูลของสภาชุดนี้
เป็นความหวังที่ต่อเนื่องจากการประชุมสภาครั้งที่ 1 ที่การอภิปรายเต็มไปด้วยข้อมูล
ถ้าฝ่ายค้านสามารถแสดงหลักฐานในการกล่าวหา และอธิบายถึงความไม่น่าไว้วางใจของรัฐบาลได้
เชื่อว่า เมื่อถึงเวลาโหวต ฝ่ายรัฐบาลเหนื่อยแน่
แต่ถ้าการกล่าวหานั้นเลื่อนลอย ไร้หลักฐาน ฝ่ายค้านเองก็ต้องเหนื่อย
นี่แหละที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่าสมัยการประชุมสภาครั้งนี้น่าติดตาม
อยากให้ประชาชนมีส่วนร่วม
ร่วมรับฟังร่วมตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลและฝ่ายค้านผ่านการประชุมสภาไปด้วยกัน
นฤตย์ เสกธีระ
[email protected]