บรรดาผู้คนบนเรือ ‘THAI’TANIC : โดย กล้า สมุทวณิช

อันที่จริงแล้วผมอยากเขียนอะไรสักอย่างหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องการแปรอักษรชุด “กะลาแลนด์” ของเด็กนักเรียนในโรงเรียนหนึ่งในงานกีฬาประเพณี ที่ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาจากคนสองฝั่งสองสี อย่างที่ท่านอาจจะเดากันได้ ฝ่ายแรกก็ว่า เห็นไหมเล่าเด็กเขายังรู้ หากอีกฝั่งก็ว่า เด็กมันคิดเองที่ไหน นอกจากไปจำขี้ปากผู้ใหญ่มาจนกลายเป็นผู้ชังชาติ

หากในตอนนั้นความคิดยังไม่ตกผลึกดี คล้ายว่า ‘ชิ้นส่วน’ ยังไม่ครบ จึงพักค้างความคิดนั้นไว้ กระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีโอกาสได้ไปชมการแสดงในงานกีฬาสีของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเด็กวัยไล่เลี่ย รุ่นเดียวกับเด็กที่เขาหาว่า ‘ชังชาติ’ นั่นแหละ

การแสดงของนักเรียนที่ได้เห็น มีรูปแบบเดียวกันทุกชั้นปี คือจะต้องเปิดฉากด้วยการแสดงประกอบเพลงที่แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเรานี้แสนดีหนักหนา ฉันรักประเทศไทย ในน้ำมีปลาในนามีข้าว แหล่งท่องเที่ยวและวัฒนธรรมแสนสวยงาม ฯลฯ ส่วนครึ่งหลังเป็นการแสดงที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตอนต้น อาจจะเป็นการเต้นโคเวอร์เพลงเกาหลี จากประสบการณ์จึงเดาได้ไม่ยากว่าการแสดงชุดเปิดหัวนั้นน่าจะได้รับการ ‘จัดตั้ง’ มาจากคุณครู ส่วนครึ่งหลังนั้นคงจะเป็นสิ่งที่เด็กๆ เขาคิดกันเองตามความชอบใจ

ไม่ได้จะยกมาเพื่อเปรียบเทียบว่าอะไรดีกว่างามกว่า แต่การแสดงของโรงเรียนหลังก็เป็น ‘ชิ้นส่วนสุดท้าย’ ที่ทำให้ตกผลึกเรื่อง ‘รักชาติ-ชังชาติ’

Advertisement

เพราะเครื่องป้องกันอันสำคัญของฝ่ายที่ชี้หน้าคนโน้นคนนี้ว่าชังชาติ คือประโยคแนวที่ว่า “ประเทศไทยเรานั้นมีดีมากมาย แต่ทำไมชอบเอาแต่เรื่องร้ายๆ แย่ๆ มาพูดกันประจานกัน”

แม้อาจจะไม่ได้จงใจ แต่การแสดงของนักเรียนในโรงเรียนที่สองนั้นเหมือนจะชี้ไปในทางนั้น เชิดชูความดีงามของประเทศไทยและอะไรอีกมาก

ชิ้นส่วนสุดท้ายนี้พาให้จินตนาการถึงเรือ ‘THAI’TANIC ที่ล่องอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรแห่งสถานการณ์ผ่านสายลมแห่งกาลเวลาแห่งจินตนาการ หากอะไรต่างๆ ในเรือลำนี้ ขอให้นึกเสียว่าก็เหมือนเรือ TITANIC ในภาพยนตร์ปี 1997 ก็แล้วกัน

บนเรือ ‘THAI’TANIC ประกอบไปด้วยผู้โดยสารและพนักงานในเรือ ซึ่งระดับล่างสุดคือคนงานเติมถ่านหินในห้องเผาไหม้ที่เหมือนทำงานอยู่ในนรก ดีขึ้นมาหน่อยก็พนักงานตำแหน่งต่างๆ ในเรือ ส่วนผู้โดยสารนั้นแบ่งออกเป็นสามชั้นตามความสามารถในการจ่ายราคาค่าโดยสาร

บรรดาผู้คนบน ‘THAI’TANIC แม้จะลงเรือลำเดียวกัน แต่ก็แทบไม่มีใครรู้เห็นชีวิตของผู้คนต่างชั้นกันเท่าไรนัก เว้นแต่ชั้นสองและชั้นสามที่อาจจะอยู่ในเขตขอบเดียวกันแต่แตกต่างกันด้วยความหรูหราน่าสบายของห้องหับและทางเดิน แต่สำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งซึ่งอยู่บนยอดปิระมิดของบรรดาผู้คนบนเรือนั้นถูกแยกออกไป พวกเขาใช้ชีวิตในห้องโดยสารหรูหราไม่ผิดจากห้องชุดในคฤหาสน์หลังงามของพวกเขา กับสมาคมของชนชั้นเดียวกันในส่วนบนสุดของเรือ

มหานาวาเดินสมุทรควบคุมโดยกัปตันเรือ ซึ่งเป็นนายทหารเก่า ผู้ออกคำสั่งให้ใช้ความเร็วสูงเต็มพิกัดด้วยความเชื่อว่าเรือลำนี้ได้รับพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ไม่มีวันอับปาง มันอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ ถ้าจะไม่มีภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่งที่อยู่ในแผนที่เดินเรือลอยเข้ามาขวางหน้าในระยะประชิด คมของมันปาดให้เกิดรอยรั่วใหญ่ที่กราบเรือ และน้ำทะเลที่เย็นเยียบก็ไหลทะลักเข้ามา

ผู้ที่เห็นเหตุการณ์เป็นผู้โดยสารชั้นสาม ที่บังเอิญไปจู๋จี๋มีกิจกรรมเข้าจังหวะกันในห้องเก็บของและได้เห็นเหตุการณ์ที่เรือชนภูเขาน้ำแข็งพอดี เขารีบตะโกนบอกผู้โดยสารร่วมชั้น เกิดเป็นกระแสแตกตื่นปากต่อปาก หากเพราะโครงสร้างเรือที่ยังแข็งแรงดีอยู่ น้ำจึงยังท่วมอยู่เพียงใต้ท้องเรือ แม้จะมีอาการโคลงเคลงให้เห็นบ้าง แต่ผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็ยังไม่เห็นว่าเรือรั่ว จนทำให้ผู้โดยสารชั้นสองบางคนยักไหล่ กล่าวกันว่า “นี่เป็นแค่อุปทานของพวกผู้โดยสารชั้นสาม อย่าไปคิดมาก อย่าไปเอาคำพูดพวกเขามากระพือต่อ”

จนกระทั่งน้ำเริ่มท่วมขึ้นมาถึงบริเวณพื้นที่โดยสารมากขึ้นเรื่อยๆ จนยากที่จะปกปิดหรือคิดเป็นอื่นได้แหละ พวกเขาจึงเริ่มยอมรับว่า ตอนนี้มีเหตุบางอย่าง น้ำได้ท่วมเรือแล้ว … แต่แล้วไง …

ผู้โดยสารชั้นสองเหล่านั้น ชี้ชวนให้ดูโคมไฟระย้าคริสตัล และรูปปั้นสลักบนบันไดของโถงเรือชั้นหนึ่ง แล้วบอกว่า

“เห็นไหมว่าเราอยู่ในเรือที่สวยงามออกอย่างนี้ เรืออันปราณีตงดงามและยิ่งใหญ่ เป็นบุญหนักหนาที่ได้อยู่ในเรือที่แสนวิเศษเช่นนี้ แล้วพวกเจ้าเป็นอะไรกันมากไหมเล่า จึงมาเกลียดชังกล่าวหาต่อว่าเรือของพวกเรา” หรือบ้างก็จับผิดว่าเจ้าคนที่ไปเห็นว่าเรือชนภูเขาน้ำแข็งนั้นแอบไปทำสัปดี้สัปดนอะไรกันแถวนั้น คนแบบนี้ไม่ควรค่าแก่การรับฟัง

ในที่สุดพวกผู้โดยสารก็ทุ่มเถียงกันต่างๆ นานา มีทั้งคนที่ไม่เชื่อว่าน้ำเข้าเรือเพียงเพราะน้ำยังมาไม่ถึงห้องพักของตน คนที่เริ่มสงสัยแต่ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าเดี๋ยว ถ้ามีอะไรจริงๆ กัปตันและทีมงานก็คงจะแก้ไขให้กลับมาเรียบร้อย และพนักงานเรือที่รู้เห็นทุกอย่าง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากได้เพียงทำตามคำสั่ง เพราะกลัวถูกลงโทษ หรือไล่ออก

จนกระทั่งเรือจมลงไปได้ราวครึ่งลำ คราวนี้ไม่ว่าจะผู้โดยสารคนไหนชั้นใดก็ยอมรับแล้วแหละว่าเรือกำลังมีปัญหา จึงเริ่มมีแผนที่จะอพยพผู้คนบนเรือ แต่ก็พบว่าเรือชูชีพนั้นมีเพียงสำหรับผู้โดยสารเพียงหนึ่งในสามของเรือเท่านั้น… นั่นคำนวณภายใต้เงื่อนไขว่าเรือชูชีพแต่ละลำนั้นต้องบรรทุกผู้โดยสารเต็มอัตราแล้วด้วย หากในความเป็นจริงฝ่ายผู้ควบคุมเรือนั้นเลือกให้ผู้โดยสารชั้นหนึ่งได้ลงเรือกู้ภัยนั้นไปก่อน ด้วยท่าทีอ่อนน้อมขออภัยในความไม่สะดวก และเพื่อความสบายตัวของบรรดาท่านๆ แม้จนในวาระฉุกเฉิน เรือกู้ภัยลำแรกๆ จึงมีผู้โดยสารชั้นหนึ่งลงไปกันหลวมๆ เพียงเพื่อให้ท่านผู้ลากมากดีไม่ต้องนั่งกันอย่างเบียดเสียดเยียดยัดจนเกินไป

ในตอนนี้ ผู้คนที่เหลือบนเรือเริ่มแบ่งกันไปเป็นกลุ่มๆ หากเรามองดูจะเห็นพวกผู้บริหารบริษัทเดินเรือ ที่นั่งเนียนปั้นจิ้มปั้นเจ๋อลงไปในเรือชูชีพก่อนใคร ต่อมาคือพนักงานจัดคนลงเรือชูชีพที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด เพื่ออ้างว่าเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยในการอพยพ แต่จริงๆ แล้วคล้ายว่าเป็นการอำนวยให้ผู้โดยสารชั้นหนึ่งได้ทยอยๆ กันลงในเรือชูชีพ และกั้นไม่ให้ผู้โดยสารชั้นอื่นๆ โดยเฉพาะพวกผู้โดยสารชั้นสามที่กำลังโหวกเหวกโวยวายไปรบกวนหรือเยื้อแย่งเรือชูชีพ แม้กระทั่งใช้ปืนยิงผู้โดยสารแกนนำการประท้วงสักคนเพื่อเขียนเสือให้วัวกลัว

พนักงานเรือเหล่านี้แม้จะแสดงออกมาในรูปแบบเดียวกัน คือ การรักษาประโยชน์ของนายจ้างยิ่งกว่าชีวิตของผู้อื่น หรือแม้แต่ตัวเองล้วนมีเหตุผลที่ต่างกัน บางคนก็ทำไปเพราะมั่นใจว่าสุดท้ายถ้าตัวเองปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน จะได้รับรางวัลเป็นเรือช่วยให้รอด แต่ก็มีบางคนที่ไม่คิดอะไร นอกจากเขาสั่งให้ทำอะไรก็ทำ

และยังมีวงดุริยางค์ประจำเรือที่ได้รับคำสั่งมาเล่นดนตรีให้ผู้คนที่กำลังแตกตื่นฟัง เพื่อปลอบประโลมไม่ให้หวาดกลัวจนเกินไป พวกเขาทำใจแล้วว่าคงจมล่มไปพร้อมเรือ แต่ก็อยากปฏิบัติหน้าที่จนนาทีสุดท้าย นั่นทำให้เขาเล่นดนตรีต่อไปไม่แม้ไม่มีใครสนใจฟัง จนกระทั่งพื้นเอียงจนยืนไม่ไหวค่อยเลิกวง

ส่วนผู้โดยสารชั้นสองบางคนเชื่อว่าถึงอย่างไร ถ้าผู้โดยสารชั้นหนึ่งลงเรือได้หมดแล้ว ตัวเองและครอบครัวคงได้ลงบ้าง หรือไม่พวกเขาสักคนก็อาจจะรู้จักกับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง ซึ่งอาจจะเอื้อเฟื้อเจือจานความอยู่รอดให้ เช่นนี้พวกเขาจึงพยายามทำตัวเงียบเชียบเรียบร้อยอยู่เป็น และช่วยกันไม่ให้พวกคนชั้นสามก่อความวุ่นวายลามปามเอาแก่บรรดาท่านผู้มีบุญหนักสักใหญ่

แต่กับผู้โดยสารชั้นสามส่วนใหญ่สิ้นหวังและยอมรับว่าคงไม่มีเรือชูชีพพอสำหรับตนแน่แล้ว พวกเขาแสดงออกมาสามรูปแบบใหญ่ๆ พวกแรกคือพยายามก่อกบฏต้านทานพวกเจ้าหน้าที่เรือเพื่อแย่งชิงเรือชูชีพมาเป็นของตัวเองมาบ้าง ก็มีอยู่บ้างที่ทำสำเร็จ แต่ส่วนใหญ่ก็ทิ้งชีวิตไปกับคมกระสุนของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเรือ

ผู้โดยสารชั้นสามพวกต่อมานั้นเลือกเอาการปลงชีวิต พาลูกเมียครอบครัวคนที่รักไปรวมตัวกันในห้องนอน เล่านิทานฝันหวาน สวดมนต์ก่อนนอน เพื่อจะได้ละโลกนี้ไปพร้อมกับคนที่รัก และกลุ่มสุดท้าย คือพวกที่เลือกกระโดดลงไปกลางห้วงน้ำเยือกแข็งเพื่อจบชีวิต

อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารชั้นหนึ่งหรือพนักงานเรือนั้นก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะคิดแต่ทางรอดส่วนตัว ยังมีคนเหล่านั้นในส่วนน้อยที่พยายามร้องบอกให้พรรคพวกหันเรือชูชีพกลับไปช่วยคนที่ยังเหลือเพื่อมนุษยธรรม พวกเขายอมที่จะทะเลาะบาดหมางกับเพื่อนร่วมชนชั้นเพราะเห็นทุกชีวิตเป็นเพื่อนมนุษย์ และก็มีเช่นกันที่ไม่ยอมลงเรือชูชีพตั้งแต่ต้น สละอภิสิทธิ์ก่อนลากเก้าอี้มานั่งจิบสุราชั้นดีรอรับชะตากรรมสุดท้าย

สำหรับกัปตันเรือนั้น เราไม่รู้แน่ชัดว่าเขาจะยอมสละชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีเช่นเดียวกับกัปตันเอ็ดเวิร์ด สมิธ แห่ง RMS TITANIC หรือจะกระโดดหนีลงเรือชูชีพที่รออยู่ ตอนนี้เราก็ยังตอบไม่ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร คนที่ตายกลุ่มแรก คือคนงานเติมถ่านหินเพื่อขับเคลื่อนให้เครื่องยนต์ของเรือยักษ์ทำงานได้นั่นเอง พวกเขาตายไปตั้งแต่แรกที่น้ำเข้าเรือ และท่วมถึงห้องทำงานของเขาก่อน

นี่คือเรื่องเล่าเปรียบเปรย ส่วนใครจะเป็นใครและอยู่ตรงไหนของเรือนั้นก็คงต้องลองนึกลองเทียบเอาเอง แต่ที่แน่ๆ อย่างน้อยก็ขอให้ลองคิดดูว่า ถ้าใครสักคนมาบอกท่านว่าคนนั้นคนนี้ชังชาติ อย่าบ่นอย่าด่าสิ่งเลวร้ายที่มันเห็นอยู่ตำตาเลย ให้หัดมองแต่แง่ดีของประเทศเราบ้าง ฯลฯ

ท่านอาจลองจำแนกดูว่าผู้พูดนั้นเป็นผู้โดยสารจำพวกไหน อภิสิทธิ์ชนที่รู้อยู่ว่าตัวเองมีที่บนเรือชูชีพ มาบอกให้ท่านเย็นใจไม่หืออือออกไปแย่งชูชีพ หรือตั้งคำถามกับพวกพนักงานเรือ หรือพวกคนที่ไม่เห็นน้ำท่วมมาถึงตนก็บอกว่าวิกฤตนั้นไม่มีจริง ไม่อย่างนั้นก็พวกที่รู้ทั้งรู้แต่ก็อยากรักษาประโยชน์ให้บรรดาอภิสิทธิ์ชน และเป็นไปได้แม้แต่พวกโง่บริสุทธิ์

สุดท้ายนี้ หากวันนั้นมาถึง ก็ขอให้ยังมีที่ว่างเหลือบนเรือชูชีพสำหรับท่านและครอบครัว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image