ปาร์ตี้ กาวใจ พรรคร่วม-3 ป. สู้ศึก ปริ่มน้ำ

งานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อคืนวันที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา จบลงอย่างชื่นมื่น

มีภาพของการกอดรัดฟัดเหวี่ยงระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับสมาชิกพรรคเล็กบางคนอย่างสนิทสนม

หัวหน้า เลขาธิการ ผู้บริหารพรรคร่วมรัฐบาลเดินทางไปร่วมงานทั่วหน้า

แต่เจตนารมณ์ของการจัดงานเลี้ยงเพื่อ “กระชับความสัมพันธ์” และเพื่อให้เกิดบรรยากาศของ “ความเป็นหนึ่งเดียว”

Advertisement

เพื่อไม่ให้เรือแป๊ะที่อยู่ในสภาพ “ปริ่มน้ำ” ต้องเร่งวิดน้ำออกจากเรืออีก

จะสมประสงค์ตามที่คิดหรือไม่

ยังเป็นเรื่องต้องรอพิสูจน์

Advertisement

เพราะก่อนหน้างานเลี้ยงไม่กี่ชั่วโมง

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีช่วงกลางวัน

ในการหารือเรื่องญัตติการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ที่ยังค้างอยู่ในสภา

พล.อ. ประยุทธ์ ออกปากว่า

“เมื่อเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันแล้ว ไม่ใช่อยู่ดีๆ คิดจะทำอะไรก็ทำ

ถ้าผมอยู่ไม่ได้ พวกคุณก็อยู่ไม่ได้

ผมไม่กังวลว่าฝ่ายค้านจะตั้งกรรมาธิการชุดดังกล่าวได้สำเร็จหรือไม่ เพราะเป็นกระบวนการของทางสภา จึงไม่ห่วง และเชื่อว่าการออกคำสั่งมาตรา 44 ได้ทำทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอน จึงเชื่อว่าไม่มีความผิด

แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ เสถียรภาพของรัฐบาล เพราะเมื่อฝ่ายค้านโหวตชนะฝ่ายรัฐบาล ภาพที่คนภายนอกมองเข้ามา ย่อมจะมองถึงความมีเอกภาพและเสถียรภาพของรัฐบาล จึงจะต้องหาทางแก้ไข”

ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวด้วยท่าทีแข็งกร้าวว่า

“ตอนที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาลผมก็ช่วยดูแลบ้านเมือง ทำไมมาตอนนี้พวกผมชวนมาเป็นรัฐบาล แต่ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ทำแบบนี้ รู้มั้ยบ้านเมืองขณะนี้เป็นอย่างไร”

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กล่าวว่า

“เสียงฝ่ายรัฐบาลปริ่มน้ำอยู่แล้ว เราต้องล็อกเสียงไว้เลย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย พรรคประชาธิปัตย์มาโหวตสวนได้อย่างไร ยิ่งโหวตสวนก็ยิ่งติดลบทำไมไม่โนโหวต”

ขณะที่ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ระบุว่า การตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากมาตรา 44 คงเกิดขึ้นแน่นอน ดังนั้น ฝ่ายรัฐบาลต้องเตรียมบุคคลที่มีพร้อมทำหน้าที่ กมธ.ดังกล่าว

และในช่วงพักการประชุม ครม.ก่อนเที่ยง พล.อ.ประยุทธ์ถือโอกาสประชุมวงเล็ก

ที่ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พปชร. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นายจุติ ไกรฤกษ์

โดยพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าวต่อ และนายกรัฐมนตรีกล่าวในตอนหนึ่งว่า

“ถ้าการประชุมสภาพรุ่งนี้ล่มอีก อย่างเบาก็ปรับ ครม. อย่างหนักคือ ยุบสภา”

ที่ระบุว่า ปาร์ตี้กาวใจจะส่งผลในทางปฏิบัติมากน้อยเพียงใด ยังเป็นเรื่องต้องพิสูจน์

ประการหนึ่ง เพราะเสียงสะท้อนจากพรรคร่วมรัฐบาลเอง

ว่า พล.อ.ประยุทธ์ มี “ระยะห่าง” จากพรรคและนักการเมืองมากเกินไป

ไม่ใช่เฉพาะแต่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ แต่รวมถึงในพรรคพลังประชารัฐเองด้วย

การประกาศความแน่นแฟ้นของ “พี่น้อง 3 ป.” ในกลางงานเลี้ยงก็เป็นเครื่องยืนยันได้ส่วนหนึ่ง

ประการหนึ่ง การลากถ่วงมิให้การประชุมพิจารณากฎหมายจัดตั้งกรรมาธิการศึกษาการใช้มาตรา 44 ที่เคยแพ้โหวตไปแล้ว และมีความพยายามที่จะขอนับคะแนนใหม่ จนการประชุมค้างคา

ก็เป็นเครื่องยืนยันอีกส่วนหนึ่ง

การจัดเลี้ยงเพียงครั้งเดียว กับความเป็นจริงในการปฏิบัติทุกเมื่อเชื่อวัน

ผนวกเข้ากับเป้าหมายและผลประโยชน์ที่ไม่สอดคล้องกันของการเป็นรัฐบาลผสม

ที่สำคัญคือ มีเสียงปริ่มน้ำ ทำให้อำนาจต่อรองของฝ่ายอื่นๆ สูงขึ้น

ยังไม่สร้างความมั่นใจให้กับรัฐบาลได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image