การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ขอนแก่น ที่พรรคเพื่อไทยส่งนายธนิก มาสีพิทักษ์ ลงสมัคร ได้หมายเลข 1 และยังมีผู้สมัครอื่นๆ อาทิ นายสมศักดิ์ คุณเงิน พรรคพลังประชารัฐ แต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้น่าจับตาว่าการเลือกตั้งซ่อมอาจมีปัญหา กล่าวคือ มีผู้ร้องเรียนว่านายธนิกมีลักษณะต้องห้าม เนื่องจากมีชื่อเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย และทางสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดขอนแก่น ได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ ส่งไปยังสำนักงาน กกต.กลางเพื่อให้พิจารณา คาดว่า กกต.จะมีการวินิจฉัยชี้ขาดภายในสัปดาห์นี้
มีกระแสข่าวว่า กกต.อาจพิจารณาเรื่องนี้ในวันที่ 11 ธ.ค. หากชี้ว่าไม่ต้องห้าม นายธนิกก็แข่งขันต่อไปได้ แต่ถ้าเห็นว่ามีลักษณะต้องห้ามและสั่งถอนการรับสมัคร มาตรา 51 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กำหนดว่า กรณีที่ กกต.วินิจฉัยให้ถอนการรับสมัครของผู้ใด ให้ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้ภายใน 3 วัน นับแต่วันที่ถูกถอน และในกรณีที่ศาลฎีกายังไม่ได้มีคำวินิจฉัยเป็นประการใดก่อนวันเลือกตั้ง ให้การพิจารณาเป็นอันยุติ และให้ดำเนินการเลือกตั้งไปตามคำสั่งของ กกต.
สำหรับกรณีนายธนิก พรรคเพื่อไทยได้หารือมายัง กกต.ก่อนเปิดรับสมัครว่า นายธนิกซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อที่มีการรับรองไปแล้ว จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบเขตได้หรือไม่ แต่ กกต.ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน ระบุเพียงว่า เป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่ต้องพิจารณาคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครให้ถูกต้องครบถ้วน ซึ่งในการยื่นสมัครของนายธนิกในวันที่ 28 พฤศจิกายนนั้น ก็มีรายงานว่าได้ยื่นหนังสือขอถอนชื่อจากการเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อด้วย
เป็นอีกกรณีที่น่าสนใจของกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่า เป็นกฎหมายที่ทำให้เกิดปัญหาทางปฏิบัติมากกว่าที่ผ่านๆ มา สำหรับพรรคเพื่อไทย แม้ได้ ส.ส.เขตมากเป็นอันดับหนึ่ง แต่ไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียวด้วยผลของกฎหมายดังกล่าว กรณีของนายธนิกที่ จ.ขอนแก่น อาจจะเป็นอีกเรื่องที่สะท้อนปัญหาของกฎกติกาการเลือกตั้ง ซึ่งน่าจะถึงเวลาที่จะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายเหล่านี้
ให้ปฏิบัติได้และสะท้อนเจตนารมณ์ของผู้เลือกตั้ง
