ผู้เขียน | สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : เขตสภา-ห้ามเข้า : โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน
อ่านข่าว พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แสดงความเป็นห่วงกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ว่า ถ้าหากมีการเมืองอยู่เบื้องหลังก็เป็นเรื่องไม่เหมาะสม เพราะการทำงานของนักประชาธิปไตยคือการทำงานในสภา ควรใช้กลไกสภาในการพูดคุยกัน วิธีการทำงานร่วมกันในสภา ถือเป็นเรื่องสำคัญของนักประชาธิปไตยที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตย
ชาวบ้านบอกกันว่า อ่านแล้วก็ดีอกดีใจ ที่โฆษกกลาโหมเน้นย้ำบทบาทของนักการเมืองและกลไกสภาเป็นเรื่องสำคัญของประชาธิปไตย
แต่พอตกบ่ายวันเดียวกัน ข่าวจากคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. มีมติเสียงข้างมากเสนอศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่
ด้วยความผิดกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปล่อยเงินกู้ให้พรรค 191 ล้านบาท
ใครที่ได้ฟังโฆษกกลาโหมแถลงตอนเช้า กับฟังข่าวจาก กกต.ในตอนบ่าย ก็ต้องบอกว่า ให้ความรู้สึกที่ย้อนแย้งกันอย่างมาก
แน่นอนว่า นักการเมืองหรือพรรคการเมือง เมื่อถูกร้องเรียนย่อมถูกตรวจสอบและวินิจฉัยจากองค์กรที่รับผิดชอบได้
เพียงแต่คดีเงินกู้พรรคอนาคตใหม่นั้น ทั่วทั้งสังคมได้ยินได้ฟังอย่างทะลุปรุโปร่ง ว่าคือการยกระดับพรรคการเมืองให้ปลอดพ้นจากนายทุนใหญ่ ใช้เงินกู้จากนายธนาธรที่เป็นนักธุรกิจประสบความสำเร็จร่ำรวย เพื่อนำมาใช้ในการทำงานของพรรค
เสร็จแล้ว เมื่อพรรคได้เงินจากสมาชิก จากกิจกรรมของพรรค ก็ทยอยคืนเงินให้กับนายธนาธรไป
การเปิดเผยชัดแจ้งและสร้างมิติใหม่ กลายเป็นถูกจ้องจับผิดอะไรทำนองนั้น
ยิ่งมีภาพโต๊ะจีนพรรคพลังประชารัฐกว่า 600 ล้าน ที่ กกต.การันตีความบริสุทธิ์ ยิ่งทำให้ทั้งสังคมนำมาเปรียบเทียบกัน
อีกทั้งก่อนหน้านี้นายธนาธรก็เพิ่งโดนวินิจฉัยให้พ้นจาก ส.ส.มาแล้ว โดย กกต.ยื่นร้องกรณีถือหุ้นสื่อ ซึ่งทำให้ กกต.ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักว่า บริษัทวีลัคฯ ผลิตนิตยสารแฟชั่นไฮโซไม่เกี่ยวกับการเมือง และเลิกกิจการไปแล้วนับปี อีกทั้งช่วงหาเสียงเลือกตั้ง นายธนาธรก็มิได้ใช้สื่อดังกล่าวมาชี้นำเอารัดเอาเปรียบนักการเมืองอื่น อันเป็นเจตนารมณ์ของกฎหมาย ที่กำหนดข้อห้ามนักการเมืองถือหุ้นสื่อ
มาหนนี้ กกต.ยื่นร้องถึงขั้นยุบพรรค เพราะเงินกู้ที่พรรคอนาคตใหม่ต้องการแสดงให้เห็นว่า ไม่มีเงินจากนายทุนรายใดรายหนึ่งมาครอบงำ
แต่คดีเงินกู้นี้ยังต้องรอการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่ถึงขั้นมีข้อยุติแต่อย่างใด
เพียงแต่ได้เกิดข้อสงสัยจากบรรดาผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่และประชาชนทั่วไป ว่าคดีความแต่ละเรื่องที่กระหน่ำใส่พรรคนี้
มาจากพฤติกรรมเลวร้าย เป็นพรรคที่เชื่อมโยงกับแก๊งอาชญากรนายทุนโกงบ้านเมือง หรือคือการจ้องจับผิดให้ได้ในทุกวิถีทาง
แถมช่วยไม่ได้ ที่มีข่าวของนักการเมืองพรรคฟากรัฐบาลให้เปรียบเทียบซ้ำเติมหนักเข้าไปอีก
ถวายสัตย์ไม่ครบ, แรมโบ้อีสาน, ส.ส.ถูกศาลสั่งจับแต่ไปนั่งในสภาเพื่อไม่ให้รัฐบาลแพ้ฝ่ายค้าน, ข่าวปารีณาอันร้อนแรงในขณะนี้
จึงไม่น่าแปลกใจที่ชาวบ้านพูดกันอื้ออึงว่า ที่โฆษกกลาโหมกล่าวเอาไว้ถูกต้องที่สุด นักการเมืองต้องทำงานในสภา ต้องใช้สภาขับเคลื่อนทางการเมือง
แต่นักการเมืองพรรคหนึ่ง มุ่งมั่นเข้าไปทำงานในสภา แต่ไม่ให้เข้า
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน