สองคนยลตามช่อง ยลปัญหาเศรษฐกิจ รัฐบาล ประชาชน

สองคนยลตามช่อง ยลปัญหาเศรษฐกิจ รัฐบาล ประชาชน

สองคนยลตามช่อง ยลปัญหาเศรษฐกิจ รัฐบาล ประชาชน

ไม่นับข่าวการเมือง ข่าวอื้อฉาว ทั้งหลายแหล่

ข่าวที่ติดอันดับขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับและทุกวัน

ก็คือข่าวการปิดกิจการ-ปิดโรงงาน คนตกงาน หรือผู้ประสบมรสุมชีวิตอันเนื่องมาจากเศรษฐกิจแล้วตัดสินใจฆ่าตัวตาย

Advertisement

และความวิตกต่อปัญหาปากท้อง รวมไปถึงภาวะความตกต่ำของเศรษฐกิจปีหน้า

แต่ดูเหมือนว่า ความกังวลเหล่านี้ไม่มีอยู่ในห้วงความคำนึงของรัฐบาล

ที่ยังยืนยันอยู่ว่าเศรษฐกิจ “พอไปได้”

Advertisement

และมิใช่เรื่องที่รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบทั้งหมด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพิ่งประกาศจะผลักดันให้จีพีดีของประเทศขยายตัวขึ้นเป็นร้อยละ 5 ในปี 2565

และกล่าวถึงเป้าหมายทางเศรษฐกิจปี 2563 ว่า ไตรมาสแรกของปีหน้าน่าจะดีขึ้น ถ้าเราทำให้เกิดความรู้สึกโดยตลอดว่า มันไม่ดีมากๆ บางครั้งก็เกินเลยไปหน่อย

เชื่อมั่นว่าโครงการถนนคนเดินทั่วประเทศ จะทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยทุกพื้นที่

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การปลดพนักงาน ธุรกิจปิดตัว รัฐบาลก็มีมาตรการรองรับไว้หลายด้าน จึงไม่อยากให้เหมารวมว่าเป็นเพราะปัญหาเศรษฐกิจ

ถ้าตรวจสอบดูจะพบว่าหลายโรงงานเขาสมัครใจที่จะปิดตัวเอง เพราะสู้ต้นทุนไม่ไหว หรือไม่สามารถพัฒนาสินค้าได้

มีโรงงานที่ปิดตัวลงจำนวน 1,480 แห่ง แต่ขณะเดียวกันก็มีการเปิดโรงงานใหม่ๆ มากขึ้นเพิ่มสามเท่า

คนต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง ซึ่งภาวการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทุกปี

วันนี้ตัวเลขการจ้างงานมีมากกว่าคนตกงาน

จริงหรือ?

สํานักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เผยผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรเดือนกรกฎาคม 2562 พบว่ามีจำนวนผู้ว่างงานทั้งสิ้น 4.36 แสนคน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 5.4 หมื่นคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงาน ร้อยละ 1.1

ว่างงานเพิ่มขึ้นจากไหน

ตัวเลขหลักก็คือการปิดกิจการ-ปิดโรงงาน และการย้ายฐานการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ

ล่าสุด Mazda บริษัทรถยนต์จากญี่ปุ่นเตรียมย้ายฐานการผลิตบางรุ่นออกจากไทยกลับไปญี่ปุ่น สาเหตุสำคัญเป็นเพราะค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มตลาดประเทศเกิดใหม่ รวมกับอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ซบเซาลงในประเทศไทย

โดยรถรุ่นที่ Mazda ย้ายฐานการผลิตกลับไปคือ Mazda รุ่น CX-3 sport ที่ผลิตส่งออกไปขายยังออสเตรเลียปีละกว่า 14,000 คัน

ทั้งนี้ ค่าเงินบาทแข็งค่ายังส่งผลกับภาคการส่งออกของไทย อาทิ อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยที่การส่งออกไปต่างประเทศลดลงเกือบ 20%

นอกจากนั้น ในงาน Motor Expo 2019 ก็พบว่ายอดขายรถยนต์ลดลงถึง 16% เมื่อเทียบกับปีก่อน

นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน ต.ค.ติดลบ 4.5% มูลค่า 20,758 ล้านดอลลาร์ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 20,251 ล้านดอลลาร์ หดตัว -7.6% ส่งผลให้เดือน ต.ค. ประเทศไทยเกินดุลการค้า 507 ล้านดอลลาร์

เมื่อหักทองคำและน้ำมัน ส่งออกติดลบ 1.0% รวม 11 เดือน ส่งออกรวม 207,330 ล้านบาท ติดลบ 2.4%

ทั้งนี้ สรท.ปรับคาดการณ์ส่งออกปี 2562 ติดลบ 2.5-3% บนสมมุติฐานค่าเงินบาท ปี 2562 อยู่ที่ 33-33.50 บาทต่อดอลลาร์

และคาดการณ์ส่งออกปี 2563 ขยายตัว 0-1%

โดยเฉลี่ย สำนักวิจัยเศรษฐกิจและสถาบันการเงินทั้งหลาย คาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปีหน้าที่ร้อยละ 2.5-2.8

ขณะที่นิตยสาร The Economist พยากรณ์ไว้ที่ร้อยละ 2.1

แม้แต่ “สภาพัฒน์” ก็ยังไม่กล้าฟันธง ต้องเปิดช่องเอาไว้กว้างๆ ตั้งแต่ร้อยละ 2.7-3.7

หยุดยาวในเทศกาลปีใหม่ อาจจะเป็นช่วงพักหอบหายใจ-สะสมพลัง

เพื่อกลับมาพบกับ “ความเป็นจริงที่โหดร้าย”

ที่ไม่หยุดเว้นวรรคเทศกาลไปด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image