กระทรวงยุติธรรม เปิดเวทีเสวนารับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ยกเลิกพืชกระท่อมจากยาเสพติดให้โทษ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ เทพสุทินรมว.ยุติธรรม กล่าวถึงปฏิทินการนำเสนอ พ.ร.บ.ว่า ตัวร่าง กม.มีความพร้อมประมาณ 95% ในวันที่ 22 ม.ค.จะนำร่าง พ.ร.บ.ให้คณะกรรมการ ป.ป.ส.พิจารณา และคาดว่าจะเสนอเข้า ครม.ในวันที่ 3 มี.ค.แล้วส่งคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ก่อนนำกลับเข้า ครม.เสนอเข้าสภาตามขั้นตอนประเมินว่าสภาจะมีพิจารณาแล้วเสร็จประมาณวันที่ 10 มิ.ย.
นายสมศักดิ์เผยว่า แนวคิดปลดกระท่อมพ้นบัญชียาเสพติด เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2485 แต่มีข้อติดขัดบางอย่าง จึงชะงักไป แล้วต่อมามีการศึกษาปี 2546 แต่ก็ไม่สำเร็จ ครั้งนี้ต้องกำหนดกรอบเวลาให้ชัดว่าจะปลดออกจากบัญชียาเสพติด เพื่อพัฒนาวิจัยกระท่อม นำไปใช้บำบัดเลิกยาบ้า ยาไอซ์เรื่องกระท่อมเราช้ากว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะคุณสมบัติดีๆ มีอยู่มาก ถ้าช้าก็จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้เพราะจะไปกระทบผลประโยชน์ ต้องเดินให้เร็วที่สุด ส่วนข้อกังวลตอนนี้คือ เรื่องผลประโยชน์ เพราะกระท่อมมีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดใช้แทนมอร์ฟีน หากมีการพัฒนาเป็นอุตสาหกรรม จะมีผลประโยชน์อย่างอื่นตามมา และมีข้อมูลว่า คดีกระท่อมเดือน มค.-ต.ค.ที่ผ่านมามี 50,000 คดี มีบางรายติดคุก 15 วัน รัฐมีค่าใช้จ่ายทางคดีให้กับตำรวจ อัยการ และศาล ประมาณคดีละ 20,000 บาท หากกระท่อมไม่เป็นยาเสพติด จะประหยัดงบประมาณของรัฐไปได้ 1,000 ล้านบาทต่อปี
สำหรับเหตุที่มีกฎหมายควบคุมกระท่อมให้เป็นยาเสพติด เพื่อมิให้กระทบต่อการจัดเก็บรายได้ภาษีฝิ่น ซึ่งมาถึงวันนี้ถือเป็นเหตุผลที่พ้นสมัยไปแล้ว ความพยายามปลดล็อกกระท่อมในครั้งนี้ ถือว่าน่าจะเกิดประโยชน์กับประชาชน เป็นทางออกเพื่อมิให้หันไปเสพยาบ้า อย่างไรก็ตาม ด้วยฤทธิ์ของกระท่อม ก็ควรจะมีการควบคุมในระดับที่เหมาะสมและมิให้เป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่รัฐไปหาผลประโยชน์ ซึ่งหลายฝ่ายเห็นว่าควรให้ใช้ตามใบสั่งยาของแพทย์ เหมือนกัญชา และไม่ให้ใช้เพื่อสันทนาการ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประเทศไทยมีรัฐสภา มีสภาผู้แทนฯ สามารถที่จะระดมความเห็นจากประชาชน หรือให้ ส.ส.รับฟังความเห็นจากประชาชนทุกฝ่ายมาประกอบการพิจารณา น่าจะทำให้การปลดล็อกกระท่อม มีความรอบคอบและเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง
