อิลลูมินาติ กับ โพรมีเธียส : โดย กล้า สมุทวณิช

หากใครเป็น Friend ของปิยบุตร แสงกนกกุล ใน Facebook ส่วนตัวคงจะนึกออกว่าภาพประจำตัวหรือ Profile Picture ของเขานั้นเป็นรูปเดิมรูปเดียวกันมากว่าสิบปีแล้ว

เคยทราบว่านั่นคือภาพของโพรมีเธียส Prometheus ผู้ถูกอัปเปหิและลงทัณฑ์ด้วยข้อหาท้าทายและลดทอนซึ่งอำนาจแห่งเทพเจ้า

เมื่อวันอังคารที่ 21 มกราคม 2563 เป็นกำหนดนัดที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคำร้องของคำร้องของนายณฐพร โตประยูร ที่ขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าพรรคอนาคตใหม่กระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

แน่นอนว่างานเขียนชิ้นนี้ได้เขียนขึ้นก่อนที่จะรู้ผลคำวินิจฉัยและคำสั่งดังกล่าว ในคดีซึ่งสาธารณชนเรียกกันว่า “คดีอิลลูมินาติ” ซึ่งหมายถึงสมาคมลับในชื่อเดียวกันนี้

Advertisement

สมาคมลับอิลลูมินาติเคยมีตัวตนในประวัติศาสตร์ในยุคเรืองปัญญา (Enlightenment) กำเนิดในแคว้นบาวาเรียของเยอรมนีในช่วงศตวรรษที่ 18 ชื่อของสมาคมนั้นหมายถึงความรู้แจ้ง มีวัตถุประสงค์ของการรวมตัวเพื่อการต่อต้านความงมงายและอิทธิพลของศาสนารวมถึงอำนาจรัฐที่กดขี่ละเมิดต่อผู้คน ในภายหลังสมาคมลับนี้ก็ได้ถูกประกาศจากภาครัฐและศาสนจักรว่าเป็นสมาคมนอกรีตผิดกฎหมาย ทฤษฎีสมคบคิดตั้งแต่ปลายศตวรรษนั้นเชื่อว่าพวกอิลลูมินาตินี้อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติฝรั่งเศสและให้การสนับสนุนการโค่นล้มอำนาจรัฐในประเทศต่างๆ ในทางลับ

หากยึดถือหลักฐานทางประวัติศาสตร์ สมาคมอิลลูมินาตินี้ถูก “ยุบ” ไปแล้วกว่าสองร้อยปี แต่ด้วยความน่าตื่นเต้นประทับใจของเจตนารมณ์สมาคมที่ให้อารมณ์ของการเป็น “กบฏ” ต่ออำนาจรัฐด้วยความจริงและความรู้ และชื่อของสมาคมที่พูดออกมาแล้วก็โอ่อ่าน่าเลื่อมใส ทำให้นามอิลลูมินาตินี้ถูกใช้หนังสือ นิยาย และทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ มากมายในโลกยุคใหม่ โดยเฉพาะเรื่องที่ทำให้สมาคมอิลลูมินาติกลับมาได้รับความสนใจในวัฒนธรรมร่วมสมัยอีกครั้ง คือนิยายลึกลับระทึกขวัญเรื่อง “เทวากับซาตาน” (Angels & Demons) ของแดน บราวน์ นักเขียนขายดีชื่อดังระดับโลก ในนิยายเรื่องดังกล่าวนั้น “อิลลูมินาติ” ถูกสร้างให้เป็นองค์กรปริศนาที่อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมและก่อการร้ายในนครวาติกัน ซึ่งเป็นเหมือนการเปิดศึกระหว่าง “ศาสนา” และ “วิทยาศาสตร์” ในโลกยุคใหม่

แล้วสมาคมลับอิลลูมินาติมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร นั่นเพราะหนึ่งในเหตุผลของฝ่ายผู้ร้องในคดีรัฐธรรมนูญที่อ้างว่าเป็นแรงจูงใจในการกระทำการอันละเมิดต่อรัฐธรรมนูญนั้น คือการที่เครื่องหมายสัญลักษณ์ของพรรคอนาคตใหม่เป็นรูปสามเหลี่ยมที่มีฐานอยู่ด้านบน คล้ายกับเครื่องหมายสัญลักษณ์ที่เชื่อว่าเป็นของอิลลูมินาติ หรือผู้รับสืบทอดเจตนารมณ์จากอิลลูมินาติ ซึ่งจะมาโค่นล้มการปกครองในรูปแบบเดิม

Advertisement

สำหรับผลของคดีก็น่าจะเป็นที่ทราบกันแล้วเมื่อวานที่ผ่านมา

อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่าคำว่า Illuminati นั้นมีความหมายถึงการ “รู้แจ้ง” และโดยรากศัพท์แล้ว การ “รู้แจ้ง” นั้นแปลตรงๆ ได้ว่า “ทำให้เกิดแสงสว่าง” (Enlighten)

เพราะสิ่งที่ชาวอิลลูมินาติ (ที่เคยมีและถ้าจะยังมีอยู่จริง) นั้นเชื่อถือ ก็คือความรู้ที่มีที่มาจากความจริงในทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งแต่ก่อนนั้นเป็นเหมือนปฏิปักษ์ต่อความเชื่อทางศาสนาอย่างที่เรารู้กัน เพราะศาสนานั้นเกิดจากเรื่องเล่าที่มิอาจพิสูจน์ได้อย่างประจักษ์ เรื่องเล่าเหล่านั้นจึงดำรงอยู่ได้ก็ด้วยความเชื่อที่ไม่จำต้องพิสูจน์ เพราะเมื่อใดก็ตามที่พิสูจน์ได้ หรือมีผู้พยายามพิสูจน์ว่ามีความจริงเชิงประจักษ์ใดที่ขัดแย้งจากเรื่องเล่าคำสอน หากฝ่ายศาสนาจะยืนยันว่าความเชื่อของตนยังเป็นความจริง ก็จำต้องทำลาย “ความจริงใหม่” ด้วยวิธีการที่ง่ายที่สุดคือการกำจัดและจำกัดด้วยอำนาจรัฐที่มีอยู่

แล้วอำนาจรัฐนั้นมาจากไหน “เรื่องเล่า” หนึ่งกล่าวอ้างว่า อำนาจรัฐนั้นมีที่มาจากความศักดิ์สิทธิ์ ผู้ปกครองสูงสุด ผู้ได้รับพลังอำนาจที่ล้นพ้นมาจากอำนาจที่เหนือกว่ามนุษย์ คือเทพเจ้าหรือพระผู้เป็นเจ้า โดยได้รับการยอมรับจากตัวแทนของพระเจ้าคือศาสนจักร ในบางเรื่องเล่านั้นผู้ปกครองนั้นคือผู้สืบเชื้อสายมาจากเทพเจ้า หรือเป็นกายเนื้อของพระเจ้าที่อวตารลงมาในโลกมนุษย์ หรือแม้แต่ในเรื่องเล่าที่ไม่อ้างถึงเทพเจ้า ก็ยังให้มีสิ่งที่เรียกว่าระบบบุญกรรมที่อธิบายว่า ผู้ที่เหนือกว่าดีกว่าคือผู้มีบุญญาธิการที่สมควรจะได้เป็นผู้ปกครอง

หากเรื่องเล่านี้ขัดแย้งกับความจริงในทางวิทยาศาสตร์ ที่ว่ามนุษย์นั้นมีกำเนิดอย่างเท่าเทียมกัน ภายใต้คำอธิบายเรื่องพันธุกรรม มนุษย์อาจจะมีความแตกต่างหลากหลาย แต่เนื้อในและสถานะไม่แตกต่างกัน มีเลือดสีแดงอันประกอบด้วยฮีโมโกบลินและมีหัวใจไว้ขับส่งโลหิตนั้นไปเลี้ยงร่างกายที่สั่งการโดยสมองที่มีขนาดไม่ได้แตกต่างกัน

การที่มนุษย์คนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ยอมตนอยู่ภายใต้การปกครองของบุคคลใดหรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทำตามคำสั่งกฎเกณฑ์บัญชานั้น ก็มาจากสองสาเหตุใหญ่ คือ ความรักความศรัทธา หรือความหวาดกลัว ไม่ว่าจะหวาดกลัวต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลนั้น หรือหวาดกลัวต่อภัยคุกคามภายนอกโดยเชื่อว่าคนหรือกลุ่มคนนั้นจะสามารถพิทักษ์ปกป้องภัยอันตรายนั้นได้

เพราะมันไม่เคยมีหรอกว่ามีใครสักคนที่มีอำนาจเพียงเพราะเขาปล่อยสายฟ้าออกมาจากฝ่ามือ หรือเรียกสั่งให้ฝนฟ้าตกต้องลงมาให้เห็นจริงต่อหน้าต่อตา ผู้ปกครองทั้งหลายปกครองอยู่ได้ภายใต้ความยินยอมไม่ว่าทางใดทางหนึ่งหรือวิธีใดวิธีหนึ่งจากคนกลุ่มที่มีจำนวนมากกว่า และมีอำนาจมาได้จากการที่มีผู้เชื่อถือเชื่อฟังยอมบังคับให้เป็นไปตามบัญชาคำสั่งนั้น

นี่คือความจริงที่สามารถทดสอบพิสูจน์ได้ด้วยความรู้หรือแสงสว่าง นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “ประชาธิปไตย” ไม่ว่าจะเรียกชื่อมันอย่างไร

ส่วนสิ่งที่อยู่ด้านตรงข้ามกับแสงสว่างและความจริง คือความมืดและอวิชา ความมืดนั้นคือสภาพไร้แสง และด้วยผัสสะปกติของมนุษย์แล้ว เราไม่อาจมองเห็นได้ถนัดในความมืด ความมืดนั้นจึงเต็มไปด้วยความน่ากลัว อันตรายและภัยคุกคาม ความมืดอำพรางสัตว์พิษสัตว์ร้ายที่เป็นอันตรายต่อพวกเรา และโดยธรรมชาติสัตว์พวกนั้นก็จะทรงพลังกว่า มองเห็นเคลื่อนไหวได้ดีกว่าในที่มืดด้วย หรือแม้แต่กับภัยคุกคามของมนุษย์ด้วยกันที่ใช้ความมืดกำบังกายในการประทุษร้ายผู้อยู่ในที่สว่าง

เช่นเดียวกับอวิชาหรือความหลอกลวงที่ปิดกั้นความรู้เพื่อจำกัดความคิด ด้วยความรู้ที่จำกัดจะทำให้เราไม่สามารถคิดหรือตัดสินใจเกินกว่าเขตขอบความรู้ที่มีได้ การควบคุมความรู้หรือการเผยแพร่ความรู้จึงเป็นหนทางหนึ่งในการรักษาอำนาจของฝ่ายที่ได้เปรียบอยู่ในขณะนั้น

หากอิลลูมินาติคือฝ่ายข้างเดียวกับแสงสว่างและความรู้ ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับอิลลูมินาติ ฝ่ายที่ต้องการจะดับแสงหรือระงับยับยั้งผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นอิลลูมินาตินั้นจะเป็นใครไปได้อีกเล่า

ขอย้อนกลับมาที่ตำนานโพรมีเธียสที่กล่าวแตะไว้ในตอนต้นอีกครั้งหนึ่ง

โพรมีเธียสนั้นเดิมเป็นเทพเจ้า ในบางตำนานเชื่อว่าโพรมีเธียสนั่นเองที่สร้างมนุษย์ขึ้นมาจากดินเหนียว และเขารู้ว่าสิ่งแรกที่จะทำให้มนุษย์นั้นสามารถพัฒนาไปจนสุดขีดสมรรถภาพ คือ “ไฟ” หรือ “แสงสว่าง” ที่หากมนุษย์สามารถครอบครองและควบคุมมันได้เองแล้วก็จะไม่จำต้องเป็นฝ่ายเดียวที่ต้องรอแสงสว่างหรือความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์ของสุริยเทพอีกต่อไป

โพรมีเธียสจึงขโมยเอา “ไฟ” ที่เคยเป็นสมบัติหรืออภิสิทธิ์ของเทพเจ้าจากเทวีเฮสเตียผู้รักษาเตาไฟมามอบให้แก่มนุษย์ ทำให้มนุษย์รู้จักการกินอาหารปรุงสุก มีแสงสว่างและความร้อนได้แม้แต่ในยามราตรี สามารถใช้ไฟในการเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างและสร้างอารยธรรมใหม่

การกระทำของโพรมีเธียสจึงเป็นการท้าทายต่ออำนาจแห่งปวงเทพ โดยเฉพาะเทพบดีซูส บางตำนานว่าหลังจากนั้นเทพบดีก็พยายามแย่งไฟคืนจากมนุษย์แต่ก็ไม่เป็นผล ในที่สุดโพรมีเธียสจึงถูกพิพากษาอัปเปหิออกจากความเป็นเทพ และต้องรับทัณฑ์ด้วยการแบกก้อนหินไว้ และในทุกวันจะมีอีกามาจิกกินตับของเขาให้ได้รับความทุกข์ทรมานจนตายในทุกวัน โดยเมื่อเริ่มวันใหม่ ทัณฑ์แห่งเทพจะเนรมิตให้เขาได้รับชีวิตและตับกลับคืนมา โพรมีเธียทนทุกข์ทรมานอยู่กับวงเวียนลงทัณฑ์นี้ จนกระทั่งได้รับการปลดปล่อยจากกึ่งเทพกึ่งมนุษย์ เฮอร์คิวลีส

แต่ด้วยไฟที่ได้มาจากโพรมีเธียสในราคาที่แสนแพงซึ่งเทพผู้ถูกอัปเปหิรับจ่ายให้แทนมนุษย์นี้เอง ทำให้โพรมีเธียสเป็นวีรบุรุษของมนุษย์ และได้รับการกล่าวขวัญถึงในวัฒนธรรมร่วมสมัยอยู่เสมอ เช่นในภาพยนตร์เอเลียนที่สร้างขึ้นใหม่ ก็ตั้งชื่อภาคด้วยนามของผู้ส่งมอบไฟนี้

เมื่อมนุษย์มีไฟก็ไม่ต้องหวาดกลัวต่อความมืด ขอบเขตแห่งความปลอดภัยของเราขยายตัวออกไป สัตว์ร้ายที่เคยเป็นภัยคุกคามก็ไม่กล้าเข้าใกล้ หรืออาจจะปรับตัวเพื่อมารับใช้มนุษย์ดังเช่นสุนัข แม้กระทั่งมนุษย์ด้วยกันที่คิดจะใช้ความมืดในการกำบังกายเพื่อวางแผนจู่โจมปล้นชิงก็ทำงานได้ยากขึ้น

แสงสว่างจึงเป็นอำนาจ เป็นความสามารถในการจัดการตัวเอง หากเทพเจ้านั้นต้องการให้มนุษย์เซื่องซื่อต้องรอรับความเมตตา การที่มนุษย์มีไฟและความสามารถในการควบคุมความมืดและความสว่างด้วยตัวเองนั้นก็ย่อมทำให้อำนาจของเทพเจ้าลดทอน

ก็ไม่แปลกอะไรที่โพรมีเธียสจะถูกลงทัณฑ์มหาโหดเช่นนั้น

หากเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงสำคัญประการหนึ่งของการเมืองไทย คือการเกิดขึ้นของพรรคไทยรักไทย (ซึ่งปัจจุบันสืบทอดมาเป็นพรรคเพื่อไทย) ที่ทำให้ประชาชนได้รับรู้และสัมผัสได้เป็นครั้งแรกว่า การมีผู้แทนที่แท้จริงของปวงชนนั้นเป็นประโยชน์ สามารถทำให้ชีวิตดีขึ้นสบายขึ้นหรือท้องอิ่มขึ้นได้อย่างไร

การเกิดขึ้นและคงอยู่ หรือแม้แต่จะดับไปของพรรคอนาคตใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงให้เราได้เห็นว่า อุดมการณ์ทางการเมืองนั้นอาจบรรลุผลเป็นรูปธรรมได้ผ่านกระบวนการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยได้อย่างไร

เมื่อเหล่ามนุษย์ได้รับแสงสว่างแห่งความจริงมาแล้ว การจะโยนมันทิ้งไปเพื่อยอมกลับไปสู่ความมืดมิดและอวิชานั้นคงเป็นไปได้ยาก แม้โพรมีเธียสจะถูกลงทัณฑ์ หรือชาวรู้แจ้งอิลลูมินาติต้องแยกย้ายกันหลบภัยเป็นการชั่วคราวก็ตาม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image