ผู้เขียน | สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : เมื่อ ผอ.ร.ร.เป็นโจร : โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน
บุกปล้นร้านทองแล้วยิงคนตายไปถึง 3 ศพ รวมทั้งเด็กวัย 2 ขวบด้วย ก็นับว่าช็อกผู้คนทั่วสังคมอยู่แล้ว ครั้นเมื่อตำรวจจับกุมตัวมาได้พร้อมพยานหลักฐานชัดเจนแน่นหนา ปรากฏว่าโจรโหดรายนี้เป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียน เลยช็อกทั้งสังคมซ้ำเข้าให้อีก
ถือเป็นกรณีศึกษาให้สังคมไทยได้เรียนรู้ว่า คนที่กระทำผิดเป็นโจรผู้ร้าย อาจเป็นใครก็ได้จากทุกวงการทุกสาขาอาชีพ ตามสภาพสังคมที่แปรเปลี่ยนไปและมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น
เป็นถึงข้าราชการครู เป็นระดับผู้บริหารเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ก็สามารถควงปืนบุกปล้นและยิงคนเจ็บตายเกลื่อนห้างได้
ทั้งกรณีนี้ยังบอกให้รู้ด้วยว่า สภาพสังคมแปรเปลี่ยนไปมาก ที่คิดว่าจะต้องหยุดความเจริญทางวัตถุ หยุดวัฒนธรรมเหลวแหลกต่างชาติ รวมทั้งต้องฉุดสังคมไทยให้ถอยหลังกลับไปสู่ความเป็นไทยดั้งเดิม มุ่งสอนศีลธรรมความดีงาม เน้นการเคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่
วิธีการนี้ ไม่สอดคล้องกับโลกที่แปรเปลี่ยนไปแล้ว และไม่มีทางจะแก้ปัญหาความเสื่อมทรุดของสังคมได้
ก็อย่างผู้อำนวยการโรงเรียนรายนี้ ทำหน้าที่อบรมสั่งสอนเด็กนักเรียนให้มีความรู้ความก้าวหน้ามีศีลธรรมมีหน้าที่พลเมืองที่ดีอยู่ทุกวี่ทุกวัน
ในเฟซบุ๊กมีกิจกรรมผู้อำนวยการโรงเรียนอบรมเด็กๆ ทำน้ำหมักชีวภาพทดแทนการใช้ปุ๋ย แนวพอเพียงนี่แหละ
แต่วันดีคืนดี ผอ.ก็แปลงกายเป็นโจรถือปืนบุกยิงคนตายเกลื่อนลงมือปืนชิงทองอย่างท้าทายกฎหมายและศีลธรรมความดีงามเสียเอง
ส่วนหนึ่งเพราะปัญหาหนี้สินจากการใช้ชีวิตที่ไม่พอดีกับรายได้
ดังนั้น การรับมือกับสังคมไทยที่มากด้วยปัญหา จึงมีแต่ต้องเข้าใจความจริงในปัจจุบัน และปรับแก้บนพื้นฐานที่เป็นอยู่จริง
ถ้าแก้ที่เศรษฐกิจพื้นฐานของคนในสังคมทุกสาขาอาชีพ มีระบบสวัสดิการที่รัฐต้องช่วยเหลือประชาชน ให้อยู่กันได้ไม่ต้องดิ้นรนเหมือนทุกวันนี้ จะช่วยเหลือให้คนเดินทางผิดๆ หันไปเป็นโจรได้มากโข
อีกส่วนหนึ่ง การสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีนี้ บอกให้รู้ว่าถ้าตำรวจทุ่มเทตั้งใจจริง ต่อให้ผู้กระทำผิดมีความรู้เหนือเมฆขนาดไหน ก็หนีไม่พ้นมือกฎหมาย
ปล้นฆ่าคนขนาดนี้ ตำรวจต้องจับให้ได้ และก็ได้จริงๆ เป็นอุทาหรณ์ให้อาชญากรอื่นๆ ได้ไปคิดทบทวน
ขนาด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วยอีก 3 รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ลงมาคุมคดีเอง คดีก็สำเร็จจนได้ และมีพยานหลักฐานรองรับหนักแน่น ตัดทิ้งข้อสงสัยเรื่องแพะไปได้
ยิ่งผู้ต้องหาเป็นระดับ ผอ.โรงเรียน จะใช้วิธีตำรวจโบราณไปอุ้มมาเค้นนอกรอบก่อน แล้วไปหาพยานหลักฐานตามหลัง ย่อมไม่ได้
ต้องแกะรอยพยานหลักฐานและตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์รองรับจนชัดเจนก่อน จึงขอหมายจับและลงมือจับ
แม้ว่าถึงขณะนี้ คำให้การของผู้ต้องหา ถึงมูลเหตุจูงใจ ทำไมต้องปล้นแล้วต้องฆ่า ยังไม่กระจ่างในสายตาประชาชนทั่วไป
แต่ในด้านคดี เมื่อได้ตัวคนกระทำผิด ได้พยานหลักฐานครบ ทั้งทอง ปืน รถจักรยานยนต์และอื่นๆ
สามารถส่งฟ้องได้ในข้อหาหนักครบทุกประเด็น
จะให้การถึงมูลเหตุได้ชัดเจนหรือไม่ ก็ไม่มีผลอะไรต่อรูปคดี
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน