เดินหน้าชน : ยุบ-ไม่ยุบ

พรรคพลังธรรม ที่นำโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พรรคไทยรักไทย ที่นำโดย “ทักษิณ ชินวัตร” และพรรคอนาคตใหม่ ที่นำโดย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” สร้างปรากฏการณ์ทางการเมืองในบางเรื่องที่คล้ายๆ กัน

พรรคพลังธรรมส่งสมาชิกพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรก วันที่ 22 มีนาคม 2535 กวาด ส.ส.กรุงเทพฯ ได้ถึง 32 คน จากทั้งหมด 35 คน

แต่พรรคพลังธรรมถดถอยลงเรื่อยๆ หลังเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ลาออกจากหัวหน้าพรรคและยุติบทบาททางการเมือง ก่อนที่จะถูกยุบพรรคเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2550 เนื่องจากไม่ส่งรายงานการดำเนินกิจการพรรคการเมือง

ขณะที่พรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 ได้รับเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 โดยได้ ส.ส. 247 คน จาก 500 คน

Advertisement

การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 พรรคไทยรักไทยก็ได้รับการเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 โดยได้ ส.ส.ถึง 377 คน ทำให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เป็นครั้งแรก

พรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรคในปี 2550 เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “พรรคพลังประชาชน” ก็ได้รับเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550

เมื่อพรรคพลังประชาชนถูกยุบพรรค ก็เปลี่ยนชื่อเป็น “พรรคเพื่อไทย” ก็ได้รับเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554

Advertisement

การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ภายหลัง คสช.คืนอำนาจให้ประชาชน พรรคเพื่อไทยก็ยังได้รับการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1

ส่วนพรรคอนาคตใหม่ที่ลงสนามเลือกตั้งครั้งแรก ก็สร้างกระแสความนิยม ทำให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ได้รับเลือกตั้ง ส.ส.ถึง 81 คน แต่ปัจจุบันเหลือ 75 คน เนื่องจากแพ้การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครปฐม เขต 5, ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” พ้น ส.ส.และ 4 ส.ส.ถูกขับออกจากพรรค

ซึ่งผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังธรรม พรรคไทยรักไทย (พรรคพลังประชาชน-พรรคเพื่อไทย) และพรรคอนาคตใหม่นั้น มีปัจจัยหลักมาจากกระแส และความชื่นชอบในตัวผู้นำพรรค

ชื่นชอบ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายทักษิณ ชินวัตร นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล

พรรคไทยรักไทย ถึงจะเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย แต่ชื่อของ “ทักษิณ ชินวัตร” ยังอยู่ในความนิยมของประชาชน ทำให้การเลือกตั้ง 5 ครั้งที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2544, 2548, 2550, 2554 และ 2562 ก็ชนะการเลือกตั้งมาโดยตลอด

แม้จะถูกยุบพรรคถึง 2 ครั้ง ก็ไม่เคยแพ้

สำหรับพรรคอนาคตใหม่ถึงจะมีคนชื่นชอบ แต่ก็มีคนอีกจำนวนหนึ่งไม่ชอบและหวั่นเกรง

แกนนำพรรคหลายคนถูกดำเนินคดี และมีการร้องเรียนเรื่องยุบพรรค

คดี “อิลลูมินาติ” แม้จะรอดจากการถูกยุบพรรค เพราะศาลรัฐธรรมนูญมีมติแล้วว่า พฤติการณ์และข้อเท็จจริงยังไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

แต่คดี “เงินกู้” กรณีพรรคอนาคตใหม่กู้เงิน “นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” 191.2 ล้านบาท ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้

หลายคนต่างคาดเดาคำวินิจฉัย มีทั้งรอดและไม่รอด

สำหรับแกนนำพรรคอนาคตใหม่ มั่นใจว่า จะไม่ถูกยุบพรรคแน่ โดยยืนยันไม่มีกฎหมายห้ามไม่ให้พรรคกู้เงิน

ทั้งยังเปิดเอกสารลับที่อ้างว่าหลุดออกมาจาก กกต. เกี่ยวกับกรณีที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนมีมติเอกฉันท์ยกคำร้อง รวมทั้งในชั้นอนุกรรมการก็มีความเห็น 3 ต่อ 2 ให้ยกคำร้อง

แต่แกนนำพรรคก็ยังไม่มั่นใจเต็มร้อย จึงมีเตรียมพรรคสำรองและแผนไว้รองรับ

ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร พรรคอนาคตใหม่ก็ต้องยอมรับ และเดินหน้าทำงานการเมืองไปตามกติกา เพราะพรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคของคนหนุ่มสาว ยังมีเวลาอีกยาวไกล

ทรงพร ศรีสุวรรณ

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image