สหรัฐช่วยเหลือจีนวิกฤตไวรัส

ท่ามกลางภาวะวิกฤต “โควิด-19” คณะผู้แทนการค้าสหรัฐและจีนได้ประชุมเจรจารอบใหม่ตามกำหนดการเดิมคือ วันที่ 14-15 กุมภาพันธ์ 2020 ณ กรุงปักกิ่ง
หัวหน้าคณะจีนคือ หลิวเหอ รองนายกรัฐมนตรี
หัวหน้าคณะสหรัฐคือ โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้า
การเจรจารอบใหม่ได้ดำเนินไปตามพื้นฐานแห่งสัญญาข้อตกลงระยะที่ 1 ณ กรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 15 มกราคม โดยมีประเด็นสำคัญอันเกี่ยวกับข้อเสนอของสหรัฐที่เรียกร้องให้จีนทำการแก้ไขปรับเปลี่ยนโครงสร้างนโยบายการค้าในเชิงลึก รวมทั้งมาตรการทรัพย์สินทางปัญญา และยุติการโอนถ่ายทางด้านเทคนิค ตลอดจนการสั่งซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐ ฯลฯ
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้สนทนาทางโทรศัพท์ก่อนการประชุมรอบใหม่ โดยฝ่ายแรกได้แสดงเจตนาช่วยเหลือจีนในการต่อต้าน “โควิด-19” แต่ก็ยังไม่วายที่ทวงคำมั่นสัญญาที่จีนต้องเพิ่มปริมาณการซื้อสินค้าสหรัฐ
ในการนี้ สหรัฐได้ช่วยเหลือสิ่งของจำเป็นสำหรับใช้ในการต่อต้านไวรัส รวมทั้งหน้ากากอนามัย อุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรค และเครื่องช่วยหายใจ เป็นต้น รวมเป็นน้ำหนัก 17.8 ตัน ส่งถึงเมืองอู่ฮั่นเรียบร้อยเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ในขณะเดียวกันสหรัฐได้จัดงบอีก 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อช่วยเหลือจีนและประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจาก “โควิด-19”
นอกจากนี้ สหรัฐยังได้ส่งแพทย์ผู้ชำนาญการร่วมกับคณะทำงานองค์การอนามัยโลก เดินทางไปจีน เพื่อช่วยเหลืองานต่อต้านการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนได้ประกาศเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ว่า คำมั่นของสหรัฐที่จะบริจาคสิ่งของช่วยเหลือจีนนั้น บัดนี้ยังไม่ได้รับ
แต่ความจริงปรากฏว่า จีนได้รับสิ่งของช่วยเหลือในวันเดียวกัน
ทั้งนี้ เนื่องจากความบกพร่องในการประสานงานระหว่างสำนักนายกรัฐมนตรีกับกระทรวงต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การที่จีนทำการตำหนิสหรัฐ
ย่อมเป็นการไม่สมควร และไม่สมศักดิ์ศรีของประเทศมหาอำนาจ
นอกจากนี้ กระทรวงต่างประเทศจีนยังไม่พอใจกับพฤติกรรมของสหรัฐ เป็นต้นว่า
1 คือ สหรัฐเป็นประเทศแรกที่อพยพเจ้าหน้าที่กงสุลประจำอู่ฮั่นกลับประเทศ
1 คือ สหรัฐเป็นประเทศแรกที่ประกาศห้ามคนจีนเข้าประเทศ
ไม่ว่าการตำหนิ ไม่ว่าการตอบโต้
ได้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของกระทรวงต่างประเทศจีนไปแล้ว
ปฏิเสธมิได้ว่า จีนยัง “ละอ่อน” ในด้านการทูต
บรรดาปัญหาระหว่างประเทศ ควรต้องทำการเจรจาโดยผ่านช่องทางการทูต
ย่อมดูมีราคากว่าการแถลงข่าวเป็นรายวัน

ส่วนการสนทนาระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ กับ สี จิ้นผิง นั้นใช้เวลานานเท่าใด มีวาระอะไรบ้าง บุคคลภายนอกไม่สามารถทราบได้
แต่สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สหรัฐช่วยเหลือจีนอย่างเต็มกำลัง ทั้งนี้ ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเดินทางมาจีน เพื่อช่วยเหลือการต่อต้านไวรัส อีกทั้งใช้วิธีการต่างๆ สนับสนุนจีน จึงมีความเชื่อมั่นว่าจีนจะต้องชนะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในครั้งนี้
ส่วนโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ใช้สื่อออนไลน์ เขียนชื่นชมสี จิ้นผิง ด้วยข้อความแบบเดิมว่า สี จิ้นผิง มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาได้ดี
ในขณะเดียวกัน “แลร์รี่ คุดโลว์” ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาวกล่าวว่า “คำมั่นของจีนที่จะสั่งซื้อสินค้าสหรัฐเพิ่มภายในระยะเวลา 2 ปีเป็นจำนวนเงิน 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เบื้องต้นอาจต้องล่าช้าออกไประยะหนึ่ง”
แต่ความจริงปรากฏ “สี จิ้นผิง” ได้ยืนยันกับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ว่า
“ดีลนี้จะต้องบรรลุตามเป้าหมายในสิ้นปีนี้แน่นอน”
ว่ากันว่า ตามความเข้าใจของคนจีน การที่สหรัฐทวงคำมั่นสัญญาการสั่งเพิ่มสินค้าสหรัฐในภาวะที่ถือว่า “หน้าสิ่วหน้าขวาน” นั้น ย่อมไม่ต้องด้วย “วาระ”
อนึ่ง กิจกรรมของสหรัฐได้จัดเป็น “ฉาก” อย่างต่อเนื่อง เป็นต้นว่า
หนึ่ง 25 มกราคม เรือรบ “มอนท์โกเมอรี” สหรัฐ ทำการตรวจตราสอดส่องที่ทะเลใต้ของจีน และเรือรบสหรัฐได้แล่นเข้าออกที่ทะเลจีนใต้อย่างอิสระและเป็นกิจวัตร
สอง 6 กุมภาพันธ์ “Thing Tank” แห่ง “ศูนย์วิจัยปัญหายุทธศาสตร์และปัญหาระหว่างประเทศของสหรัฐ” ได้จัดสัมมนา รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ผู้อำนวยการ FBI เป็นต้น ได้ร่วมการสัมมนา ผู้มีเกียรติล้วนได้กล่าวหาว่าจีนจารกรรมเทคนิคและความลับทางวิทยาศาสตร์
สาม 8 กุมภาพันธ์ “ปอมเปโอ” รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐได้กล่าวในที่ประชุมผู้ว่าการรัฐประจำปีว่า นักการทูต นักวิชาการ ตลอดจนองค์กรสื่อจีน ล้วนได้แทรกแซงภารกิจของหน่วยงานรัฐบาลทุกระดับ พร้อมกับขอให้ผู้ว่าทุกรัฐอย่าลงนามในสัญญาใดโดยพลการ
มาตรการดังกล่าวข้างต้น สำหรับสหรัฐถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา และเป็นประเด็นที่ได้ทำการบ้านไว้ก่อนแล้ว หากมิใช่พฤติกรรมฉวยโอกาสที่จีนประสบปัญหาไวรัสโคโรนา หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง สหรัฐมิได้แสวงหาผลประโยชน์ท่ามกลางความทุกข์ร้อนของประเทศจีน
พฤติกรรมจึงรับฟังได้ว่า เป็นเหตุการณ์บังเอิญมากกว่า
ตัดกลับไปที่จีน อันคำมั่นซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นจำนวนมหาศาลนั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน
จีนทำได้และได้ทำแล้ว

ดูตัวอย่างเมื่อทศวรรษที่ 60 จีนกับสหภาพโซเวียตเกิดความขัดแย้งกัน จีนถูกทวงหนี้ท่ามกลางภาวะภัยธรรมชาติคุกคามเป็นเวลา 3 ปี คนจีนทั่วประเทศรัดเข็มขัดใช้หนี้จนหมด
แต่วันนี้ของจีน มิใช่จีนเมื่อวันวานที่ผันผ่าน การซื้อเพิ่มสินค้าสหรัฐ 2 แสนล้านเหรียญ ภายในระยะเวลาที่กำหนด อุปมาเป็นเรื่องเล็กกว่าฝุ่นขนาด “PM2.5”
เมื่อประมวลเหตุการณ์ครั้งนี้ระหว่างจีนกับสหรัฐ เห็นว่า
พฤติกรรมของสหรัฐที่มีต่อจีนคือ
ด้าน 1 ให้ความช่วยเหลือการต่อต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
อีกด้าน 1 พฤติกรรมสกัดขัดขวางความก้าวหน้าของจีนก็ยังดำรงอยู่
กรณีนี้จึงรับฟังได้ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นนักแสดง “สองบทบาท”
และแม้ยุทธศาสตร์สกัดจีนยังคงดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง
แต่ท่ามกลางภาวะวิกฤต “โควิด-19” เชื่อว่าสหรัฐคงไม่มีพฤติกรรม
ถั่งโถมโหมแรงไฟ

Advertisement

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image