ท่าทีต่อปรากฏการณ์ FLASH MOB ไม่ว่าจะมาจากคนที่เห็นด้วย ไม่ว่าจะมาจากคนที่ไม่เห็นด้วย น่าสนใจ น่าศึกษา
คนที่เห็นด้วยอาจ “ทึ่ง”
นึกไม่ถึงว่าเพียง 1 สัปดาห์ การแพร่ระบาดของปรากฏการณ์ FLASH จะกว้างไกล ใหญ่หลวง และซึมลึกได้ขนาดนี้
คนที่ไม่เห็นด้วยก็ “ตระหนก”
ตระหนกว่าเป็นไปได้อย่างไรที่ปรากฏการณ์นี้จะกลายเป็นเหมือน “ไวรัล” และมีอาการแพร่ขยายยิ่งกว่า “ไวรัส”
และก็พยายามมองหา “ตัวการ”
บางคนชี้ไปยังพรรคอนาคตใหม่ หลายคนทอดตามอง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ด้วยสายตาหวาดระแวง
ยิ่งหวาดระแวง ก็ยิ่งกลัว
บทสรุป “ร่วม” หนึ่งที่ยากจะปัดปฏิเสธได้ก็คือ ปรากฏการณ์ FLASH MOB มาจากปฏิกิริยาและความไม่พอใจต่อการยุบพรรคอนาคตใหม่
แต่คนจำนวนไม่น้อยก็ไม่อยากพูด
อาจเป็นเพราะเคยมีคำเตือนมาแล้ว ไม่ว่าจะจากพรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่าจะจากการไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรค
ไม่ว่าต่อไทยรักไทย ไม่ว่าต่อไทยรักษาชาติ
เพราะหากพูดก็เท่ากับไปยอมรับต่อคำทำนายเชิงวิเคราะห์จาก นายปิยบุตร แสงกนกกุล ที่ว่าการยุบพรรคอนาคตใหม่สถานการณ์จะไม่เหมือนเดิม
เป็นการเตือนไปยัง “ผู้กำกับ”
ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่พรรคอนาคตใหม่เคย “เตือน” มาแล้วทุกประการ เพราะเพียง 2 วันหลังคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ FLASH MOB ก็บังเกิด
ทั้งยังขยายตัวเติบใหญ่ กว้างไกลและใหญ่หลวง
ที่มีคนเปรียบเทียบว่า สถานการณ์ยุบพรรคอนาคตใหม่เหมือน “ฟางเส้นสุดท้าย” ที่อยู่บนหลังอูฐ ความอดทนที่เคยมีก็สิ้นสุด
เหมือนกับจะเป็นการดับอนาคตของ “พรรคอนาคตใหม่”
แต่บังเอิญที่ฝันของพรรคอนาคตใหม่ กับ ฝันของคนรุ่นใหม่ที่ดำรงอยู่ในลักษณะของ “นิวโหวตเตอร์” เป็นอย่างเดียวกัน
และตลอด 2 ปีของพรรคอนาคตใหม่ก็มิได้หยุดนิ่ง
ตรงกันข้าม ไม่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล ไม่ว่า น.ส.พรรณิการ์ วานิช ล้วนขยันในการเดินสาย
จากเหนือจดใต้ จากตะวันออกไปตะวันตก
ยิ่งกว่านั้น ยุทธศาสตร์ของพรรคอนาคตใหม่ก็คือการทำให้เป็น “พรรคมวลชน” การต่อต้านรัฐประหารการต่อต้านการสืบทอดอำนาจ
ภาษาของ MOB กับภาษาของพรรคอนาคตใหม่จึงเป็นภาษาเดียวกัน
การลงความเห็นเช่นนี้มิได้หมายความว่าชี้นิ้วว่าพรรคอนาคตใหม่อยู่ “เบื้องหลัง” เป็นการสมคบคิดระหว่างพรรคอนาคตใหม่กับคนรุ่นใหม่
มิใช่เช่นนั้น
หากแต่เป็นการย้ำให้เห็นว่า บทบาทเพียง 2 ปีของพรรคอนาคตใหม่เมื่อประสานเข้ากับปัญหาที่เป็นจริงของประเทศนับแต่รัฐประหาร 2549 เป็นต้นมา จึงก่อให้เกิดเอกภาพ
นี่คือผลของการ “ปักธง” ในทาง “ความคิด”