บทนำ : ต้องงดเดินทาง

การเดินทางเคลื่อนย้ายไปในพื้นที่ต่างๆ ในสถานการณ์โรคระบาดเป็นปัญหาแน่นอน ดังที่มีการระบุว่า ผู้แพร่เชื้อคนสำคัญ ได้แก่ เซียนมวยที่ไปร่วมในสนามมวยลุมพินี เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ซึ่งครอบครัวรับเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์รุนแรงจากอิตาลี หลังจากนั้นจึงพบว่าการเดินทางไปในจังหวัดต่างๆ ของบุคคลที่อยู่ในสนามมวยลุมพินีในวันเวลาดังกล่าวทำให้เชื้อแพร่กระจายออกไปอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว ประกาศปิด 26 สถานที่เสี่ยงของ กทม. ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อ 22 มี.ค. ออกมาเพื่อลดการชุมนุมหรือรวมตัวของประชาชน และต้องการให้ประชาชนพำนักในบ้านเรือนของตนเอง แต่มีผลที่ไม่คาดคิดคือ ประชาชนหลั่งไหลกลับภูมิลำเนา และเป็นที่คาดหมายว่าหลังจากนี้อาจมีผู้ติดเชื้อเพิ่มในต่างจังหวัด

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศก์เขตสุขภาพที่ 10 และ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป นพ.ชิโนรส ลี้สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต นพ.มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ แถลงย้ำเมื่อวันที่ 23 มี.ค. ว่าขอความร่วมมือจากประชาชนให้อยู่ที่บ้าน อย่าเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาเด็ดขาด เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการนี้มาเพื่อหยุดการเคลื่อนย้าย อย่างเช่นกรณีวันหยุดสงกรานต์ ตอนนี้ดีที่สุดก็คือเมื่อหยุดงานแล้ว ควรจะพักอยู่ที่บ้าน อย่ากลับไปภูมิลำเนาเด็ดขาด เนื่องจากมีกลุ่มเสี่ยงคือเด็กและผู้สูงอายุในการรับเชื้อจากผู้ที่เดินทางกลับจาก กทม.ได้ นพ.ชิโนรสกล่าวว่า สถานการณ์ใน กทม.ขณะนี้ไม่แตกต่างจากประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนที่แล้ว ที่ สธ.มีคำแนะนำว่าห้ามเดินทางไป ดังนั้น สถานการณ์การแพร่ระบาดใน กทม.ขณะนี้จึงต้องจำกัดการเดินทาง ผู้ที่อยู่ใน กทม.ไม่ควรเดินทางออกต่างจังหวัด และผู้ที่อยู่ต่างจังหวัดไม่ควรเข้ามา กทม. หากไม่มีกิจธุระจำเป็น

มาตรการงดเดินทางในขณะนี้ คนไทยทุกคนควรให้ความร่วมมืออย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องมีมาตรการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่อาจจะไม่มีรายได้ในช่วงที่สถานประกอบการหลายแห่งต้องปิดตัวชั่วคราว เพราะการเดินทางกลับภูมิลำเนาอาจมีเหตุผลเรื่องการครองชีพรวมอยู่ด้วย และเป็นผลกระทบจากมาตรการรัฐ ที่รัฐควรเข้ามารับผิดชอบโดยเร็ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image