จิตวิวัฒน์ : การแพร่ระบาดของ‘โรคบิดข่าวสาร’ กับ โรคจิตสำนึกสาธารณะบกพร่อง : โดย จุมพล พูลภัทรชีวิน

จิตวิวัฒน์ : การแพร่ระบาดของ‘โรคบิดข่าวสาร’ กับโรคจิตสำนึกสาธารณะบกพร่อง : โดย จุมพล พูลภัทรชีวิน

จิตวิวัฒน์ : การแพร่ระบาดของ‘โรคบิดข่าวสาร’ กับโรคจิตสำนึกสาธารณะบกพร่อง : โดย จุมพล พูลภัทรชีวิน

ขอเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจกับคำศัพท์เฉพาะที่กล่าวถึงในบทความนี้ก่อน ได้แก่คำว่า Infodemic, Pandemic, และ PCDS

Infodemic เป็นคำอุบัติใหม่ที่องค์การอนามัยโลกใช้ในสถานการณ์โรคอุบัติใหม่ไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เพื่อสื่อถึง การระบาดของข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง คลาดเคลื่อน หรือ บิดเบือน (Misinformation) เกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ก่อให้เกิดการตื่นตระหนก ความกลัว ส่งผลให้มีปฏิกิริยาตอบสนองเกินความจำเป็น เกิดความระส่ำระสาย กล่าวโทษ หาแพะรับบาป รวมไปถึงการถือโอกาสโจมตี ใส่ร้าย ต่อผู้รับผิดชอบในการแก้ปัญหาและการบริหารจัดการสถานการณ์

Infodemic มาจากคำหลักสองคำคือ Information (ข่าวสาร) กับ Epidemic (การแพร่ระบาด) เนื่องจากคำนี้สื่อความหมายไปในทางลบมากกว่าทางบวก ดังนั้นโดยนัยยะแล้ว Infodemic ก็คือ Misinformation บวกกับ Epidemic นั่นเอง

Advertisement

COVID-19 ตามสภาพที่ปรากฏในปัจจุบัน มีการแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว องค์การอนามัยโลกจึงยกระดับจากโรคระบาดทั่วๆ ไป (Epidemic) เป็นโรคระบาดระดับโลก (Pandemic) ส่วน Infodemic ก็มีการแพร่กระจายไปทั่วโลกเช่นกัน จะต่างกันตรงที่ว่า โควิด-19 เป็นโรคที่มีตัวเชื้อโรคจริง (ไวรัสโคโรนา) แต่ Infodemic ไม่มีตัวเชื้อโรคจริง มีแต่เชื้อโรคเทียมหรือเชื้อโรคแฝง ในกรณีนี้คือการให้หรือการใช้ข้อมูลข่าวสารในทางลบ หรืออาจเรียกว่าเป็นข้อมูลพิษหรือข่าวสารพิษก็ย่อมได้ ในบทความนี้เลือกใช้คำว่า “โรคบิดข่าวสาร” เพื่อสื่อให้เห็นลักษณะอาการและท่าทางของคำว่า “บิด” เช่น โรคบิด บิดผ้า หรือบิดเบือนข้อมูล เป็นต้น

ส่วนคำย่อ PCDS ย่อมาจากคำเต็มภาษาอังกฤษว่า Public Conscious Deficiency Syndrome แปลตรงตัวว่า เป็นโรคจิตสำนึกสาธารณะบกพร่อง หมายถึงความคิดและการกระทำที่เน้นประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องมากกว่าประโยชน์สุขของส่วนรวม ของสาธารณะ

ภายใต้เทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัย สื่อสังคมที่หลากหลายและรวดเร็ว ผนวกกับสภาวการณ์ที่สับสน ตื่นตระหนกกับภัยพิบัติที่ใกล้ตัว มีบุคคลบางคน บางกลุ่ม ถือโอกาสโหนสถานการณ์ ให้ร้าย ป้ายสี โจมตีฝ่ายตรงกันข้าม ด้วยการเลือกคำพูดบางคำ พฤติกรรมบางอย่าง กิจกรรมบางประเภทมาโจมตี กระแนะกระแหน เสียดสี หรือแม้กระทั่งด่ากันตรงๆ ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย บางคนอ้างเหตุผล ตรรกเชิงวิชาการ แต่เบื้องหลังคือต้องการประณามหรือลดความน่าเชื่อถือของอีกฝ่ายหนึ่ง แล้วก็ตอกย้ำ ขยายความต่อไปเรื่อยๆ ด้วยตนเองและคนในกลุ่ม

ในสถานการณ์ของความเป็นความตายเช่นนี้ ใครที่มีเจตนาดังกล่าวข้างต้น ถือเป็นคนที่ขาดจิตสำนึกสาธารณะ ทำบ่อยๆ จนขาดสติ ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม คนกลุ่มนี้ถือว่าเข้าข่ายเป็นผู้ติดเชื้อโรคจิตสำนึกสาธารณะบกพร่อง หรือโรค PCDS (Public Conscious Deficiency Syndrome) ควรกักตัวเฝ้าดูอาการตัวเองสักระยะหนึ่ง อย่างน้อยก็จนกว่าจะมีสติ และปัญญาที่จะรู้เท่าทันความคิด ความเชื่อ และการกระทำของตนเอง

การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เพียงชั่วระยะ 2-3 เดือนก็กระจายไปทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ของทุกประเทศ ทั้งโดยตรง และโดยอ้อม ทั้งระยะสั้น และระยะยาว ทุกฝ่ายจึงต้องพึงหลีกเลี่ยงการบิดข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารลวง ข่าวสารหลอก ข่าวสารล่อ และข่าวสารเลือน (คลุมเครือ ไม่ชัดเจน เปิดโอกาสให้ใช้อคติในการตีความ) ทุกฝ่ายควรต้องมีส่วนช่วยเกื้อหนุน สร้างเสริม ความมั่นคง เข้มแข็ง ให้กับคนในชาติ เพื่อประโยชน์สุขโดยรวมของส่วนรวม ของประเทศชาติ…

     ติดโควิดติดได้ไม่ติดใจ                 ติดแล้วไปหาหมอพอช่วยได้
แต่โรคบิดข่าวสารรำคาญใจ              ติดแล้วไปหาใครดีที่ช่วยได้
     สงบนิ่งอยู่กับตัวชั่วครู่ใหญ่           สูดหายใจเบาเบา ยาวยาวไว้
ใคร่ครวญดูรู้ตัวไหมทำอะไร?            ทำทำไม? ทำเพื่อใคร? เมื่อไหร่ทำ?
     จิตสำนึกสาธารณะจะต้องสร้าง      จะปลูกวางอย่างไรเป็นไม้ค้ำ
“ดี งาม จริง” ในจิตใจใฝ่โน้มนำ         สิ่งต้องย้ำคือคุณค่าสาธารณะ

อยากให้สื่อ เป็นสื่อที่มีจิตวิญญาณของการเป็นสื่อที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม ไม่ลำเอียง ไม่เลือกข้าง โดยปราศจากจิตสำนึกสาธารณะ สื่อต้องมุ่งมั่นตั้งใจที่จะให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน รอบด้าน อย่างมีสมดุล กรณีศึกษาเหตุการณ์การกราดยิงที่โคราช สะท้อนให้เห็นว่ามีสื่อบางคน บางค่าย นำเสนอข่าวแบบขาดความรับผิดชอบต่อสังคม คำนึงถึงเรตติ้งมากเกินพอดี การนำเสนอข่าวคราวทางการเมืองในช่วงเวลาปัจจุบันก็เห็นชัดเจนถึงการแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายของสื่อ ในสถานการณ์ปัจจุบัน อยากให้สื่อเลิกทะเลาะเบาะแว้งกันเอง ช่วยกันนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ให้ข้อเสนอแนะที่เป็นทางเลือกที่พึงประสงค์กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการปัญหาภัยพิบัติโควิด-19

อยากให้นักการเมือง หยุดการจ้องจับผิดอีกฝ่ายหนึ่ง เลิกการใช้วาทกรรมทางการเมือง ทำลายผู้อื่น สร้างภาพให้ตนเอง ลงพื้นที่เพื่อสำรวจปัญหา สถานการณ์ เพื่อสรุปนำเสนอวิธีที่เป็นไปได้และเหมาะสม ให้ผู้รับผิดชอบนำไปพิจารณากำหนดเป็นนโยบาย และแนวปฏิบัติที่มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ ตามอำนาจ หน้าที่และความรับผิดชอบของตนเอง

อยากเห็นรัฐบาล มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน มีความมุ่งมั่นตั้งใจบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 มีความกล้าหาญทางคุณธรรมจริยธรรม ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์สูงสุดของส่วนรวม ของประเทศชาติเป็นหลัก ไม่เห็นแก่คนใกล้ชิด ไม่เอื้อประโยชน์ให้ตนเองและพรรคพวก ไม่ปกป้องคนผิด ไม่เล่นพรรคเล่นพวก สรรหาผู้มีความรู้ความสามารถที่แท้จริงมาช่วยทำงาน จัดสรรทรัพยากรที่สำคัญและจำเป็นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเอื้อให้ผู้มีความรู้ความสามารถทำงานได้เต็มที่ ได้ผลรวดเร็วทันเหตุการณ์

ในสถานการณ์ปัจจุบัน สื่อ นักการเมือง และรัฐบาล มีบทบาทสำคัญยิ่งในการให้สติ เตือนสติ สร้างสติ และโดยเฉพาะการสร้างจิตสำนึกสาธารณะให้กับประชาชน หากช่วยกันจริงๆ จะช่วยกันลดภาระให้กับหมอ พยาบาล และบุคลากรทางแพทย์และสาธารณสุขได้เป็นอย่างมาก ประเทศของเราก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น

ขอให้ทุกฝ่ายยุติการแพร่เชื้อโรคบิดข่าวสารในทุกรูปแบบและวิธีการ แล้วหันหน้ามาช่วยกันสร้างจิตสำนึกสาธารณะให้กับตนเองและผู้อื่น ในทุกรูปแบบและวิธีการ ตามความถนัด ความสามารถ ตามอำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบของตนเองอย่างเต็มที่ เต็มเวลา ด้วยความเต็มใจ ประเทศไทยก็จะอยู่รอด ปลอดภัย ก้าวเดินต่อไปได้ด้วยความมั่นคง สง่างามอย่างสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ของคนไทย

จุมพล พูลภัทรชีวิน
www.thaissf.org, twitter.com/jitwiwat

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image