คุณภาพคือความอยู่รอด : Made in Thailand สำคัญไฉน : โดย วิฑูรย์ สิมะโชคดี
“เหลืออาหารให้พวกเราบ้างนะ”
นี่คือ คำโอดครวญของพยาบาลสาวแห่งกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อไม่สามารถหาซื้ออาหารที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตและห้างร้านต่างๆ ได้ เพราะประชาชนแตกตื่นไปแย่งซื้ออาหารสด อาหารแห้ง และสินค้าอุปโภคบริโภคไปหมดสิ้น และซื้อกักตุนเผื่อไว้บริโภคในอนาคต (ในขณะที่ถูกคำสั่งปิดเมืองปิดตลาด)
เธอย้ำว่า “พวกเราเพียงแต่ต้องการหาซื้ออาหารเพื่อประทังชีวิต และเตรียมไว้สำหรับเข้าเวรในอีก 48 ชม.ต่อไป แต่ก็ไม่เหลือทั้ง ผักสด ผลไม้ และอาหารสดในร้านค้าใดๆ เลย พวกเราต้องการดูแลตัวเองเพื่อให้ทำงานต่อไปได้ และเพื่อดูแลพวกท่านตอนที่ไม่สบายต่อไป”
เมื่อเห็นคลิปภาพที่เธอขับรถไปพูดไปด้วยน้ำตาคลอแล้ว เศร้าใจจริงๆ ครับ
ทั้งที่เราต่างรู้ว่า แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทั้งหมด ถือเป็น “ด่านแรก” ในการรับมือกับผู้คนที่ไม่สบายจากโรคระบาด COVID-19 (รวมทั้งแพทย์และพยาบาลของไทยเราที่ต้องถือเป็น “ผู้เสียสละ” อย่างแท้จริง) พวกเขาต้องทำงานอย่างหนักตลอดถึงล่วงเวลาด้วย (แทบไม่มีเวลาพักหรืออยู่กับครอบครัวเลย) ทั้งที่ไม่มีชุดและอุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่เหมาะสมเพียงพอ
แต่ปรากฏว่า การกว้านซื้อและกักตุนสินค้าก็ยังเกิดขึ้นตลอด (ทั้งที่มีการย้ำตลอดเวลาว่า มีสินค้าเพียงพอ ไม่ต้องกักตุน) เพราะผู้คนยังคงแตกตื่นและกลัวการขาดแคลนอาหารและของใช้ต่างๆ เมื่อต้องอยู่แต่ในที่พักภายใต้ภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้น
แต่เดิมนั้น (ปีสองปีมานี้) ผู้บริโภคต่างติดนิสัยการซื้อสินค้าด้วยโปรโมชั่น “ซื้อ 1 แถม 1” จากนโยบายการตลาดของห้างสรรพสินค้าและผู้ผลิตที่ต้องการระบายสินค้าให้เร็วขึ้น
วันนี้ ผมจำได้ว่า “สบู่เหลวล้างมือ” แทบทุกยี่ห้อ “ซื้อ 1 แถม 1” ตลอดมาเป็นปีๆ แล้ว แต่วันนี้กลับหมดเกลี้ยงสต๊อก ผมไม่สามารถหาซื้อสบู่หรือน้ำยาล้างมือ หรือสเปรย์ประเภทที่ฆ่าเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียดังๆ ได้เลย รวมถึงหน้ากากอนามัยด้วย ทั้งที่ตอนนี้เราต่างไม่ต้องการของแถม และยอมสู้ราคาสูงด้วย แต่มีเงินก็หาซื้อของเหล่านี้ไม่ได้
ทุกวันนี้ เราต่างได้ยินได้ฟังทางสื่อว่า “ไม่ต้องกักตุนสินค้า” เพราะทุกอย่างมีมากพอ เราไม่มีทางขาดแคลนสินค้าจำเป็นต่างๆ เพราะเราเป็น “ประเทศผู้ผลิต”
แต่ในความเป็นจริง ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ทั้งๆ ที่เราเป็นประเทศผู้ผลิต แต่หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ หรือสเปรย์ฆ่าเชื้อ รวมทั้งมาม่าก็ขาดแคลนไปหมด เพราะผลิตออกมาเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอต่อการซื้อไปกักตุนของผู้คนที่แตกตื่น หรือการเก็งกำไรของคนที่เอาเปรียบสังคม
ในขณะที่นักวิเคราะห์หลายท่านสรุปว่า เราต่างตกอยู่ในหลุมพรางของกลยุทธ์การปั่นราคาสินค้า ซึ่งน่าจะไม่จริง แต่เป็นเพราะเราต่างอยู่ในภาวะที่ตื่นตระหนกมากกว่า
วันนี้ ผมเพียงแต่อยากจะชี้ให้เห็นว่า “การผลิต” มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงชีวิตอย่างมี “คุณภาพ” ของทุกผู้คน เพราะข้าวของที่เรากินเราใช้สอยนั้น ล้วนแต่เกิดจาก “การผลิต” ทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องของการผลิตสินค้าที่มี “คุณภาพสมราคา” เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
ดังนั้น หลังพายุร้าย COVID-19 ผ่านไป เราน่าจะให้ความสำคัญกับการทบทวนกลยุทธ์และการยกระดับมาตรฐาน “Made in Thailand” อย่างจริงจังมากขึ้น ครับผม !