ผู้เขียน | ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์ |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 ประจำวันที่ 15 เมษายน 2563 : นายกฯหญิงสอบผ่าน
แม้องค์การอนามัยโลกเตือนรัฐบาลนานาประเทศว่า “โปรดอย่าดึงโรคโควิด-19 มาเป็นประเด็นทางการเมือง” เพราะถ้าจะเอาชนะเชื้อไวรัสนี้ ไม่ควรเสียเวลาชี้นิ้วโทษใคร ต้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน
แต่เหมือนว่าคำเตือนนี้จะไม่ค่อยได้ผลมากนัก แม้แต่ตัว ผอ.อนามัยโลก ก็โดนรายงานคุ้ยประวัติโยงใยความใกล้ชิดสนิทสนมกับจีนไปด้วย
โควิด-19 อาจดูเป็นประเด็นทางการเมืองอย่างชัดเจนตั้งแต่ผู้นำมหาอำนาจ โดนัลด์ ทรัมป์ กระโดดลงสนามสู้รบทางวาจาเอง แบบไม่มีกั๊กตามแบบฉบับของท่าน
แต่จริงๆ แล้วโควิดคือเรื่องการเมืองที่ทุกประเทศเผชิญอยู่ เนื่องจากการจัดการกับเชื้อโรคต้องอาศัยการเมืองเป็นกลไกหลัก โดยเฉพาะกับตัวผู้นำประเทศ ที่ต้องสวมบท “แม่ทัพ” สู้ศึก
แม่ทัพบางคนก็ยอมรับในความผิดพลาดที่บริหารจัดการไม่ดีจนโรคระบาดลุกลาม ผู้คนเจ็บป่วยล้มตายไปมาก
เช่น เอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส กล่าวขอโทษต่อประชาชนว่ารัฐบาลไม่ได้เตรียมพร้อมเท่าที่ควร จึงไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรในการรับวิกฤตโรคระบาดรุนแรงใหญ่ขนาดนี้
แต่สำหรับผู้นำสหรัฐ จะให้มาขอโทษแบบนี้คงเป็นไปได้ยาก หากย้อนดูการบริหารงานเกือบจะครบสมัย 4 ปีนี้ ทรัมป์ยังไม่เคยขอโทษอะไรมาก่อน
ในศึกโควิด-19 นอกจากจะไม่ขอโทษ แถมยืนยันว่าทำงานนี้ได้ดีแล้ว ทรัมป์ยังซัดวาทะใส่ทั้งจีนและองค์การอนามัยโลกด้วย
วาทะนี้เหมือนจะไม่แมนเท่าไรนัก แต่ก็มีคนเห็นด้วยจำนวนมาก หลังจากจีนตกเป็นเป้าหมายโจมตี ทั้งเรื่องที่มาของเชื้อ ข้อสงสัยเรื่องตัวเลขคนป่วยคนตาย ไปจนถึงภาพความดีใจที่ภารกิจสู้ศึกโควิดที่เมืองอู่ฮั่นเสร็จสิ้น
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ประเด็นเหยียดหรือโจมตีเชื้อชาติตลบอบอวลอยู่นี้ ก็มีผู้นำประเทศที่วางตัวอยู่ในจุดที่น่าชื่นชม คือทำอย่างไรให้ชะลอการระบาดได้ และลดผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อประชาชนให้ได้ก่อนอย่างอื่น
นอกจากหญิงเหล็ก แองเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนีที่มีถ้อยแถลงต่อประชาชนให้รับมือกับเชื้อโรคนี้อย่างแข็งขันและเป็นระบบ น.ส.จาซินดา อาร์เดิร์น นายกฯ สาววัย 39 ปีของนิวซีแลนด์ ก็เป็นอีกคนที่ฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้สวย
มีผู้สังเกตว่า เวลาที่นายกฯสาวแถลงสู้ศึก เธอพูดด้วยรอยยิ้มเปี่ยมความมั่นใจ ว่าจะนำทุกคนผ่านวิกฤตไปได้จริงๆ ไม่ใช่ยิ้มแห้งๆ แหยๆ
สารที่สื่อออกมานั้นชัดเจนว่า ทำไมรัฐบาลจึงต้องใช้มาตรการเข้มงวดด้วยการล็อกดาวน์ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. และทำไมชาวนิวซีแลนด์จะประมาทไม่ได้
ตอนที่พูดว่า ประเทศมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพียง 102 คน นายกฯ อาร์เดิร์นพูดต่อด้วยว่า “อิตาลีก็เคยมีตัวเลขนี้เหมือนกัน” เพื่อดึงสติทุกคนได้เป็นอย่างดี
มีนักวิชาการชื่นชมว่า นายกฯหญิงแสดงออกถึงความเป็นผู้นำที่ตัดสินใจแน่วแน่ แต่มีความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ไปพร้อมกัน โดยเฉพาะคำแนะนำให้ประชาชน “ทั้งเข้มแข็งและมีน้ำใจ”
เพราะโควิด-19 ไม่เพียงเป็นศัตรูยังเป็นบททดสอบใหญ่ของมนุษย์ด้วย