คำถามหลังสถานการณ์ไวรัส โควิด-19 เป็นคำถามแหลมคมอย่าง ยิ่งไม่เพียงแต่ต่อรัฐบาล ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เท่านั้น
หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังเป็นคำถามต่อพรรคที่มีส่วนสำคัญต่อการดำรงอยู่ของรัฐบาล
รู้สึกสงสัยบ้างหรือไม่ว่า เหตุใด #ส.ว.มีไว้ทำไม จึงดังกระหึ่มขึ้น ไม่เพียงแต่เนื่องจากบทบาทและความหมายในห้วงแห่งสถานการณ์ไวรัสเท่านั้น
หากประการสำคัญเป็นอย่างมากเพราะบทบาทอันเด่นชัดเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 อันเป็นการขานชื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
นี่ย่อมเป็นบทบาทเดียวกันกับพรรคพลังประชารัฐ พรรคประ ชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยและพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ
ถามว่าสาเหตุแท้จริงที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคมีมูลเชื่อมาจากปัจจัยใดในทางการเมือง
สาเหตุเดียวกับที่เกิด #ส.ว.มีไว้ทำไม
1 เห็นว่าบทบาทของพรรคพลังประชารัฐกับบทบาทของ 250 ส.ว.เป็นบทบาทเดียวกัน นั่นก็คือ บทบาทในการสืบทอดอำนาจของคสช.โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นตัวแทน
#ส.ว.มีไว้ทำไม ก็อีหรอบเดียวกับ #ทหารมีไว้ทำไม
ขณะเดียวกัน 1 ปะทุแห่งปฏิกิริยาต่อตำแหน่งหัวหน้าพรรคสะท้อนให้เห็นความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องในการบริหารจัดการในเรื่องเศรษฐกิจ
และปะทุขึ้นอย่างหนักในสถานการณ์ไวรัส โควิด
ความเดือดร้อนในเรื่องเศรษฐกิจคือความเดือดร้อนเนื่องแต่ ความล้มเหลวของรัฐบาล ความล้มเหลวของดรีมทีมเศรษฐกิจ
ทุกปลายหอกจึงพุ่งเข้าใส่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ปฏิกิริยาหลังสถานการณ์โควิด-19 จึงเด่นชัดยิ่งว่าถนนทุกสายจะ มุ่งไปยังรัฐบาล จะมุ่งไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าในทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าในทางการเมือง
ตะกอนอันนอนก้นอยู่ภายในพรรคพลังประชารัฐจะถูกโหมฮือกระพือขึ้นมาอีก
ถึงเปลี่ยนตัว”หัวหน้าพรรค”ก็เอาไม่อยู่
ขณะเดียวกัน การทวงถามและคิดบัญชีจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา จะกลายเป็น ประเด็นร้อน
เพราะความขัดแย้งของรัฐบาลในก้าวต่อไปเด่นชัดว่าเป็นความขัดแย้งกับประชาชนที่เดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจ