บทนำ : ร้องทุจริตเลือกตั้ง
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. โพสต์เฟซบุ๊กว่า “กกต. ต้องไม่เร่งประกาศผลเลือกตั้งซ่อมลำปาง” พร้อมระบุว่า ได้พบกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นำหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับการทุจริตการเลือกตั้งซ่อม จ.ลำปาง มาให้ดูนับสิบชิ้น ชิ้นหนึ่งเป็นคลิปเหตุการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ 19 มิ.ย.2563 เวลา 08.30 น. เหตุเกิดที่หมู่ 11 ต.ล้อมแรด อ.เถิน มีหัวคะแนนนำเงิน 600 บาท เย็บเป็นชุด ชุดละ 300 บาท นำมาให้ชาวบ้านในพื้นที่ สามารถระบุชื่อคนแจกเงินได้ มีพยานพร้อมให้การ ซึ่งตนได้บอกหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยไปว่า เป็นหลักฐานที่นำไปร้องคัดค้านการเลือกตั้งได้ และทราบว่า มีการยื่นคัดค้านการเลือกตั้งที่ กกต.ลำปางแล้ว
อดีต กกต.ระบุว่า พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 73 (1) ห้ามผู้สมัครหรือผู้ใด ให้ เสนอให้ ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดที่คำนวณเป็นเงินได้ เป็นความผิดทั้งต่อผู้แจกเงิน ที่ต้องได้รับโทษตามมาตรา 158 คือจำคุก 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี และ กกต.ต้องดำเนินการตามมาตรา 132 คือ หากมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่ามีการกระทำอันเป็นเหตุให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ก็สามารถให้ใบเหลือง ใบแดง หรือใบส้มแล้วแต่กรณีได้
สำหรับการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 4 ลำปาง ผลการเลือกตั้ง นายวัฒนา สิทธิวัง อายุ 63 ปี ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เบอร์ 1 จากพรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนน 6 หมื่นเศษ ชนะ ร.ต.ท.สมบูรณ์ กล้าผจญ อายุ 62 ปี ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เบอร์ 2 จากพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งได้ 3 หมื่นคะแนนเศษ โดยก่อนการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยไม่มีผู้สมัครลงสมัคร ส่วนพรรคก้าวไกล ซึ่งเดิมคืออนาคตใหม่ ถูกยุบ ประชุมพรรคเพื่อกำหนดตัวบุคคลไม่ได้ ทำให้เหลือผู้สมัครหลักๆ จากพรรคพลังประชารัฐและพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน และสุดท้าย พรรครัฐบาลชนะการเลือกตั้งไป การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ประธาน กกต.ได้ลงพื้นที่ด้วยตนเอง เมื่อมีการร้องว่าเกิดการทุจริต จึงควรดำเนินการตรวจสอบและสืบสวนสอบสวนอย่างจริงจัง เพื่อรักษามาตรฐานการเลือกตั้งที่สะอาดโปร่งใส รักษาความเป็นอิสระและเป็นกลางขององค์กร ทำให้การเลือกตั้งในฐานะกลไกสำคัญของประชาธิปไตย สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนในการเลือกตัวแทนมาทำหน้าที่
