| ผู้เขียน | สมหมาย ปาริจฉัตต์ |
|---|
ยุบสภา
กลุ่มเยาวชนปลดแอก (Free Youth) และสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) จัดกิจกรรมไม่ทนอีกต่อไป ชุมนุมรายรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ตั้งแต่เย็นถึงดึกคืนวันที่ 18 กรกฎาคม มีผู้ร่วมกว่า 2,000 คน เสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล 3 ข้อ 1 ให้ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนและเปิดทางให้คนมีความรู้ ความสามารถมาแก้ปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจ 2 หยุดคุกคามประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรม 3 ร่างรัฐธรรมนูญใหม่
ว่าไปแล้ว สัญญาณการก่อตัวของกระบวนการนักศึกษาสะท้อนให้เห็นมาตามลำดับ แต่เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาดทำให้ต้องหยุดชะงักไปชั่วคราว การชุมนุมครั้งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
และก็เป็นเช่นทุกครั้งจะเกิดคำถามตามมาว่า ม็อบจุดติดหรือไม่ คอการเมืองยุคใหม่มองว่าตัวเลขปริมาณผู้ชุมนุมในพื้นที่ไม่ใช่นัยสำคัญเสียแล้ว เพราะคิดรวมไปถึง Mob at Home ม็อบออนไลน์อีกมากมายที่ติดตามการเคลื่อนไหว ซึ่งมีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ด้วยเหตุผลแตกต่างกันไป
สาระข้อเรียกร้องของนิสิต นักศึกษา มุ่งประเด็นทางการเมืองเป็นหลักก็ตาม แต่เมื่อผสมผสานกับปัญหาเศรษฐกิจที่รุนแรงเป็นทุนเดิมอยุู่แล้ว กลุ่มคนอีกไม่น้อยที่อึดอัดขัดข้อง เดือดร้อนจากภัยโควิด ขาดรายได้ อดอยาก หิวโหย การเคลื่อนตัวของนิสิต นักศึกษา จึงยั่วเย้าให้คนกลุ่มนี้พร้อมเข้าร่วมด้วยรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
การชุมนุมจะขยายตัวออกไปตามจังหวัดใหญ่ๆ ต่อไปอีกหรือไม่ และนำไปสู่เหตุการณ์ทางการเมืองอะไร ยังประเมินได้ยากในช่วงเริ่มต้น
เงื่อนไขที่มีส่วนกระตุ้นให้เหตุการณ์บานปลายหรือคลี่คลาย จึงอยู่ที่ทรรศนะที่มีพวกเขาว่าเป็นพลังบริสุทธิ์หรือมีเบื้องหลัง กับท่าทีและวิธีการแก้สถานการณ์ของรัฐบาลและกลไก เป็นอย่างไร
กรณีตัวอย่างที่เป็นบทเรียนอีกครั้ง จากการแสดงออกของรองโฆษกหญิงกองทัพบก โพสต์ถึงการชุมนุมว่า ข้อเรียกร้องของม็อบมุ้งมิ้ง 3 ข้อ 1 ต้องยุบสภา น้องคะ อีก 2 ปีครึ่งก็ต้องเลือกตั้งใหม่แล้วคะ ป่านนั้นโควิด-19 จะหาวัคซีนได้หรือยังไม่รู้ 2 ต้องแก้รัฐธรรมนูญ อันนี้ งงมาก แค่เหตุผลของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ออกมาควบคุมโรคระบาดน้องยังไม่เก็ตเลย ตอนที่ทำประชาพิจารณ์และลงมติรับรัฐธรรมนูญ น้องๆ ทำอะไรอยู่ ข้อนี้ต้องระบุให้ชัดหน่อยว่าต้องการแก้มาตราไหน 3 ต้องเลิกคุกคามประชาชน ถ้าประชาชนไม่ทำผิดกฎหมาย ใครหน้าไหนก็ทำอะไรไม่ได้ การออกมาเรียกร้องกันตอนนี้ประเทศเรากำลังไปได้ดี แนะนำน้องๆ เอาเวลาไปทำมาหากิน ปรากฏว่าถูกตอบโต้ จนต้องลบข้อความไปในเวลาต่อมา
แม้โฆษกกองทัพบกจะออกมาช่วยแก้ต่างให้ว่า เป็นสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับองค์กร ก็ตาม เมื่อถูกสวนกลับก็ต้องยอมรับว่าเป็นรายจ่ายที่ต้องจ่าย โดดลงมาในโลกโซเชียลยิ่งต้องพร้อมกับการเจ็บตัว รับผลที่ตามมา จากมุมมองที่แสดงออก
การใช้สำนวนลีลา หมิ่นแคลนความคิดของอีกฝ่าย ช่วยดับไฟที่กำลังร้อน หรือเติมเชื้อเข้าไปให้ลุกโชนขึ้นอีก ยิ่งยั่วยุให้คนออกมามากขึ้น
ครับ สถานการณ์นอกสภาที่กำลังดำเนินไป รัฐบาลจะตอบรับข้อเรียกร้องอย่างไร ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะเหตุเกิดในรัฐบาลและในสภากำลังสร้างเงื่อนไข บีบต้อนให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจยากขึ้นทุกวัน
ไม่ว่าจะเป็นการออกมาทวงถาม ยืนยันตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นโควต้าของพรรคพลังประชารัฐ นั่นเท่ากับโต้ตอบแนวทางของหัวหน้ารัฐบาลโดยตรง ที่ยืนยันว่าการปรับคณะรัฐมนตรีต้องมีโควต้าของนายกรัฐมนตรี
ท่าทีตรงกันข้ามกับเมื่อแรกที่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอย่างสิ้นเชิง มาถึงวันนี้เป็นอีกอย่างไปแล้ว นี่แหละครับ สัจธรรม เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน ผลประโยชน์เปลี่ยน
รวมทั้งเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในการประชุมกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 กรรมาธิการฝ่ายรัฐบาลเสนอให้นับองค์ประชุม จนทำให้การประชุมล้ม เพราะไม่ครบองค์ประชุม เนื่องจากความไม่พอใจต่อการปฏิบัติของตัวแทนพรรคแกนนำในการจัดสรรตำแหน่งประธานอนุกรรมาธิการงบประมาณ ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านวอล์กเอาต์
เหตุการณ์จะคลี่คลายลงอย่างไรก็กระทบถึงกระบวนการพิจารณาแปรญัตติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ และภาพลักษณ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อย่างแน่นอน
การฝ่าฟันสถานการณ์ต่อไปด้วยการปรับคณะรัฐมนตรีโดยจำนนต่อแรงบีบด้วยเหตุผลทางการเมือง เป็นเรื่องสมบัติผลัดกันชม ก็แค่การซื้อเวลา ความเชื่อมั่นยิ่งลดลง
ด้วยเหตุนี้ หนทางยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน ยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้นๆ แม้การเลือกตั้งเป็นไปภายใต้รัฐธรรมนูญที่ยังแก้ไม่สำเร็จ จึงเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่งว่า ผลการตัดสินใจของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งจะปรากฏออกมาอย่างไร
กระนั้นก็ตาม หากโครงสร้างอำนาจ ที่มาและบทบาทหน้าที่วุฒิสมาชิกมีสิทธิเลือกนายกฯ อำนาจ ควบคุม กำกับ ติดตามการดำเนินงานของรัฐบาล และบัญญัติกฎหมายดำรงอยู่เช่นเดิม การเมืองไทยยังคงไร้เสถียรภาพต่อไปอีกนาน
