น.3คอลัมน์ : แนวรบ การเมือง ภายใน‘พลังประชารัฐ’ ยังไม่ แปรเปลี่ยน

แนวรบ การเมือง ภายใน‘พลังประชารัฐ’ ยังไม่ แปรเปลี่ยน

แนวรบ การเมือง
ภายใน‘พลังประชารัฐ’
ยังไม่ แปรเปลี่ยน

หากการปรับ ครม.ที่จะเกิดขึ้นดำเนินไปตามอาการแย้มยิ้ม โอภาด้วยความยินดีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และทุกข่าวพาดหัวของ “สื่อ”

หมายความว่า ไม่มีการควบตำแหน่งให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

หมายความว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ยังนั่งอยู่ที่กระทรวงอุตสาหกรรม ขณะที่ นายอนุชา นาคาศัย ไปอยู่ที่กระทรวงอุดมศึกษาและวิจัย

Advertisement

รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานเป็นของ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร

รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานเป็นของ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ตามคำขาดอันมาจากพรรครวมพลังประชาชาติไทย

นั่นเท่ากับเป็นชัยชนะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

Advertisement

ขณะเดียวกัน นั่นเท่ากับเป็นอาการสะดุดหยุดกึกไม่ว่าจะเป็นมติของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็นเสียงชโยกึกก้องเมื่อมีผู้เสนอให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปควบมหาดไทย

ความหมายย่อมหมายความถึงความพ่ายแพ้ของพรรคพลังประชารัฐ

หากมองเพียงแต่ชัยชนะและความพ่ายแพ้ อาจเป็นเรื่องธรรมดาอย่างปกติยิ่งของการต่อสู้ขับเคี่ยวกันในทางการเมือง

เหมือนกับสัมผัสความพ่ายแพ้ของ “กลุ่ม 4 กุมาร”

เหมือนกับสัมผัสความสำเร็จและชัยชนะของกลุ่มกุมอำนาจ “ใหม่” ซึ่งชู พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทน นายอุตตม สาวนายน

เท่ากับการรุกอย่างต่อเนื่องต้องสะดุดหยุดกึก

เพราะแม้จะสามารถกดดันกระทั่ง “กลุ่ม 4 กุมาร” ต้องหนียะย่าย พ่ายจะแจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะได้กระทรวงพลังงาน

อย่างน้อยก็ถูก “เบรก” จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

คำถามอันตามมาอย่างฉับพลันทันใดก็คือ การถูกเบรกต่อพรรคพลังประชารัฐเป็นสภาพและอาการเดียวกันกับที่ “กลุ่ม 4 กุมาร” ประสบหรือไม่

จำเป็นต้องรอคอย จำเป็นต้องตามไปดู

ประเด็นที่ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ต้องขบคิดและใคร่ครวญก็คือ

กระบวนการ “ถอย” ของแต่ละ “กลุ่ม” เป็นอย่างไร

ไม่ว่าจะเป็น “กลุ่ม 4 กุมาร” ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแต่ละกลุ่มภายในพรรคพลังประชารัฐ เป็นการถอยในลักษณะ หนียะย่าย พ่ายจะแจ

หรือเป็นการถอยไปตั้งหลัก

เป็นการถอยอย่างยอมจำนน หรือว่าเป็นการถอยอย่างมีลักษณะ “ถอยในทางยุทธศาสตร์” พร้อมที่จะออกอาวุธตามมา

สภาพของ “กลุ่ม 4 กุมาร” ก็อย่างหนึ่ง สภาพของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็อย่างหนึ่ง

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นับแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา ใครเป็นฝ่ายรุก ใครเป็นฝ่ายถอย จะแปลกอะไรหากการถอยนั้นเกิดขึ้นหลังจากได้ชัยชนะมาแล้ว

สู้เก็บรับชัยชนะ แล้วอดเปรี้ยวไว้กินหวานไม่ดีกว่าหรือ

จากนี้จึงคาดสถานการณ์ได้เลยว่า ไม่ว่าสภาพที่ “กลุ่ม 4 กุมาร” ประสบ ไม่ว่าสภาพที่หลายกลุ่มภายในพรรคพลังประชารัฐประสบ

ล้วนมิได้ประสบแล้วก็หายไป

ตรงกันข้าม การตีกลับในทางการเมืองจะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะจาก “กลุ่ม 4 กุมาร” ไม่ว่าจะจากหลายกลุ่มภายในพรรคพลังประชารัฐ

ขอให้รอ “ตั้งรับ” ให้ดีก็แล้วกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image