เสียงเตือนให้ระวัง “อาฟเตอร์ช็อก” ภายหลังการปรับครม.อันดังมาจากปาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จำเป็นต้องล้างหูและน้อมรับฟังด้วย โยนิโสมนสิการ
ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
อย่าลืม ”รากฐาน” ทางการเมืองของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
เขาเริ่มต้นเป็น ส.ส.จากพรรคกิจสังคมตั้งแต่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ยังเป็นผู้นำทางด้านจิตวิญญาณ และมีความแนบแน่นอย่างเป็นพิเศษกับ นายมนตรี พงษ์พานิช
เป็นเลขานุการตั้งแต่ นายมนตรี พงษ์พานิช ยังนั่งอยู่กระทรวง คมนาคมแล้วสร้างปรากฏการณ์กฐิน 100 กว่าล้านบาท
จากนั้น ทะยานขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการที่กระทรวงสาธารณสุข แล้วก็ผาดโผนในยุทธจักรตั้งแต่ยุค รสช.มายัง คมช.ทะลุถึงยุค คสช.
ผ่านร้อนผ่านหนาวร่วมกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายอนุชา นาคาศัย จากพรรคกิจสังคมจนถึงพรรคไทยรักไทย
ถามว่านอกจาก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ถึงจะหมายปองกระทรวงพลังงานอย่างไรก็ไม่สมหวังแล้ว มีใครไหนบ้างในพรรคพลังประชารัฐที่ต้องเจ็บ
ตอบได้เลยว่าเป็น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
ที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เจ็บมิใช่เพราะเจ็บด้วยตนเอง หากแต่เจ็บเพราะเดือดเนื้อร้อนใจให้กับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายอนุชา นาคาศัย ที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา
ถามว่าใครเปิดปฏิบัติการปล่อย ”คลิป” นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประกาศไม่รับตำแหน่งทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง
ถามว่าอยู่ดีๆทำไมคดีเก่าค้างเก็บว่าด้วย”ฝายแม้ว”ตั้งแต่ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้มจึงถูกรื้อฟื้นขึ้นมา
เรื่องอย่างนี้มีหรือที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มีหรือที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ มีหรือที่ นายอนุชา นาคาศัย จะไม่รู้
ต้องยอมรับว่าท่ามกลางเสียงโห่ร้องในชัยชนะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อการปรับครม.ก็มีเสียงกัดฟันกรอดๆอันดังขึ้นมา
1 ย่อมเป็นบรรดา”กลุ่ม 4 กุมาร”ที่ถูกอับเปหิออกไป
1 ย่อมเป็น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และ อาจรวม นายอนุชา นาคาศัย ด้วย
หากเป็น”ชัยชนะ”ก็อยู่บน”ความพ่ายแพ้”ของคนเหล่านี้
