ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
แคลงคลาง กังขา
ต่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา
กรณี รัฐธรรมนูญ
ทั้งๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงการขานรับในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอ 1 ใน 3 ข้อจาก “เยาวชนปลดแอก”
เหตุใดสังคมจึงยังไม่วางใจ ให้ความเชื่อถือ
รูปธรรมง่ายๆ ก็คือ แม้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จะได้รับการเชิญไปให้การยืนยันเรื่องนี้พร้อมกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในทำเนียบรัฐบาล
แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังมีการแต่งตั้ง “กรรมการพิเศษ” ขึ้น
ประกอบด้วยผู้อาวุโสระดับ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ คอยติดตามเรื่องนี้พร้อมกับ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ
หากเชื่อมั่นจะต้องมี “กรรมการ” ไปทำไม
หากเชื่อมั่นบางส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ก็คงไม่ออกมาเคลื่อนไหว หากเชื่อมั่นบางส่วนของพรรคภูมิใจไทยก็คงไม่ออกมาเคลื่อนไหว
เคลื่อนไหวทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สังคมมีเหตุผลอย่างเพียงพอที่จะไม่ให้ความเชื่อมั่นหรือวางใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะขานรับต่อข้อเสนอของ “เยาวชนปลดแอก” อย่างจริงใจ
1 เพราะรัฐธรรมนูญนี้เป็นผลผลิตของ “คสช.”
บทสรุปที่เกิดขึ้นภายในพรรคพลังประชารัฐที่ว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา” นับว่าถูกต้องอย่างถึงที่สุดและสิ้นเชิง
เป็นไปตามยุทธศาสตร์ “สืบทอดอำนาจ”
1 นับแต่รัฐธรรมนูญนี้ประกาศและบังคับใช้มีความพยายามใช้ทุกกลไกเพื่อบรรลุตามยุทธศาสตร์อย่างครบถ้วน
ไม่ว่าเพื่อการครองอำนาจ ไม่ว่าเพื่อกำจัดฝ่ายตรงกันข้าม
เห็นได้จากกรณีบัตรเขย่ง เห็นได้จากการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เห็นได้จากการสกัดขัดขวาง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และการยุบพรรคอนาคตใหม่
จึงมีความเป็นไปได้น้อยมากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะคิดแก้ไข
ยิ่งความไม่พอใจต่อรัฐธรรมนูญนับแต่ประกาศและบังคับใช้เป็นความไม่พอใจที่ดำเนินไปในลักษณะทางสังคม ยกเว้นแต่เพียง คสช.และพรรคพลังประชารัฐ
ยิ่งทำให้เห็นความเป็นไปไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ไม่เคยแสดงความเห็นด้วยกับการปรับแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ที่ยินยอมเขียนเป็น “นโยบาย” ก็มีเป้าหมาย
นั่นก็คือ เป้าหมายในการดึง 52 เสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ให้ขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนมิถุนายน 2562
เพื่อสร้างความชอบธรรมในทางการเมืองเท่านั้น
จากนั้นก็เรื่อยๆ มาเรียงๆ ตีกรรเชียงมาโดยตลอดแม้เมื่อจัดตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาแล้ว ต่อเมื่อมีเสียงเรียกร้องจาก “เยาวชนปลดแอก” เท่านั้นที่เริ่มขยับ
จึงสร้างความสงสัยว่าขยับจริงหรือว่าเสแสร้ง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจคิดว่าสถานการณ์ของตนเป็นเหมือนเมื่อหลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ที่แม้จะเตะถ่วงอย่างไรก็ไม่มีปัญหา
อย่าลืมว่านี่เป็นสถานการณ์เดือนสิงหาคม 2563
เป็นสถานการณ์ที่ผ่านการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 มาแล้ว เป็นสถานการณ์ที่มีการชุมนุมเมื่อตอนค่ำของวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม มาแล้ว
ฤดูกาลได้เปลี่ยนไปแล้ว การเมืองก็ย่อมจะเปลี่ยนไปตามไปด้วย