กันยายน ร้อน
ชุมนุมใหญ่ ธรรมศาสตร์
ณ ท่าพระจันทร์
ไม่ว่าสถานการณ์อันเกี่ยวกับ “เรือดำน้ำ” ไม่ว่าสถานการณ์อันเกี่ยวกับ “รัฐธรรมนูญ” ไม่ว่าสถานการณ์อันเกี่ยว กับ#จะไม่ยอมให้จบที่รุ่นเรา
ล้วนเป็นผลสะเทือนจาก “เยาวชนปลดแอก”
อาจเริ่มต้นนับจากการชุมนุมเมื่อตอนเย็นของวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บนถนนราชดำเนิน
ตามมาด้วยวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม
หลังจากนั้นก็บังเกิดสภาพแห่งอาฟเตอร์ช็อกอันแพร่กระจายสร้านเข้าไปผ่านการชู 3 นิ้วและติดโบขาวต้านเผด็จการในหลายโรงเรียน
ที่สุดก็กลายเป็นการชุมนุมของ “นักเรียนเลว” เมื่อวันพุธที่ 19 สิงหาคม
ผลก็คือ มีการขยับในเรื่องของ “รัฐธรรมนูญ” ผลก็คือเกิดอาการสะดุดต่องบประมาณซื้อ “เรือดำน้ำ” ไม่สามารถตัดสินใจได้ตามความต้องการ
แล้วก็ปะทุเป็น #จะไม่ยอมให้จบที่รุ่นเรา
ลองย้อนกลับไปศึกษาต่อและสภาพการณ์ทางด้านรัฐบาล ทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูบ้างว่าเมื่อประสบกับปรากฏการณ์ “เยาวชนปลดแอก” แล้วเป็นอย่างไร
โดย “ภายนอก” เหมือนกับไม่สนใจ ไม่ให้ค่า
เห็นได้จากการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองตาม “คุกคาม” บุคคลที่มีบทบาทในการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
ไม่สนใจต่อข้อเรียกร้อง “หยุดคุกคามประชาชน”
ความรุนแรงในการคุกคามยังเห็นได้จากความพยายามของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการใช้ “หมายจับ” เข้าจัดการกับเป้าหมายอันคิดว่าเป็น “แกนนำ”
ไม่ว่า นายอานนท์ นำภา ไม่ว่า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์
ขณะเดียวกัน ภายใต้มาตรการสกัด ขัดขวางและคุกคาม ในอีกด้านหนึ่งก็ผ่อนปรนด้วยการแสดงความเห็นด้วยในเรื่องรัฐธรรมนูญ ในเรื่องเรือดำน้ำ
เหมือนกับจะผ่อนปรน แต่ก็ผ่อนปรนอย่างมีชั้นเชิง
เด่นชัดอย่างยิ่งว่าที่ขานรับในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นมิได้เป็นการขานรับอย่างยอมจำนน ตรงกันข้าม เป็นการขานรับอย่างมากด้วยเงื่อนปม
เป็นเงื่อนปมตามกลยุทธ์ “ซื้อเวลา”
ช่วงชิงใช้กระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และหากเดินไปตามกระบวนการก็จะต้องใช้เวลาเพื่อการนี้ไม่ต่ำกว่า 2 ปี
ยิ่งกว่านั้น ยังหนุนกระบวนการในแบบ “กปปส.” ออกมาต้านยัน
แม้จะใช้รูปโฉมในแบบ “อาชีวะเพื่อชาติ” แม้จะใช้รูปโฉมในแบบ “ไทยภักดี” แต่ก็สามารถโยงสายยาวไปยังความจัดเจนในห้วงแห่ง “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”
ประสานเข้ากับ #จะไม่ยอมให้จบที่รุ่นเรา
อย่าได้แปลกใจหากจะมีข่าวในเรื่อง “รัฐประหาร” อย่าได้แปลกใจหากจะมีข่าวในเรื่องความพยายามเลือกกระบวนการ “รัฐบาลแห่งชาติ” เป็นทางออก
ทุกอย่างล้วนเป็นการต่อเวลาของการสืบทอดอำนาจ
ความสนใจของสังคมจึงไม่เพียงแต่จะอยู่ที่การชุมนุมของ “นักเรียนเลว” ในวันเสาร์ที่ 5 กันยายน เท่านั้น หากแต่อยู่ที่การชุมนุมในวันเสาร์ที่ 19 กันยายน
อย่างแรกอยู่ข้างกระทรวงศึกษาธิการ
อย่างหลังอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพราะว่าเจ้าภาพคือ “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการชุมนุม” อันเคยสร้างปรากฏการณ์มาแล้วเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม
เดือนกันยายนจึงเป็นเดือนอันร้อนแรงขึ้นมาโดยอัตโนมัติ