คุณภาพคือความอยู่รอด : ยั่งยืนจากภายใน : โดย วิฑูรย์ สิมะโชคดี

คุณภาพคือความอยู่รอด : ยั่งยืนจากภายใน : โดย วิฑูรย์ สิมะโชคดี

คุณภาพคือความอยู่รอด : ยั่งยืนจากภายใน : โดย วิฑูรย์ สิมะโชคดี

เมื่อเร็วๆ นี้มีข่าวที่น่ายินดีของไทยเราอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือ มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ ได้เลื่อนประเทศไทยจากอันดับที่ 6 เป็นอันดับที่ 1 ครองตำแหน่ง

“Covid-19 Fight” เป็น “แชมป์โลก” ด้านการป้องกันโรคระบาดยอดเยี่ยม และมียอดผู้ติดเชื้อน้อยสุด

ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวของ U.S. News & World Report ที่เปิดเผยผลการจัดอันดับ “ประเทศที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ” มากที่สุดในโลก ประจำปี 2563 (Best Countries to Start a Business 2020) ให้ “ประเทศไทย” ติดอันดับที่ 1 ของโลก “ประเทศที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจ” จากทั้งหมด 73 ประเทศทั่วโลก

Advertisement

สองข่าวข้างต้นทำให้หลายท่านเชื่อกันว่า ประเทศไทยน่าจะ “บูม” หลัง COVID-19 โดยมีข่าวตามมาว่า นักลงทุนต่างชาติต่างเห็นพ้องกันว่า ประเทศไทยปลอดภัยที่สุด และน่าลงทุนที่สุด เศรษฐีต่างชาติก็กำลังตัดสินใจย้ายที่พำนักมาอยู่ในประเทศไทย เพราะมีระบบการดูแลรักษา ระบบการแพทย์และการพยาบาลที่ดีที่สุด รวมทั้งผู้สูงอายุจากหลายประเทศก็สนใจที่จะย้ายมาพักระยะยาว และใช้ชีวิตบั้นปลายที่ประเทศไทย ทั้งหมดทั้งปวงที่เกิดขึ้นนี้จึงไม่ใช่เรื่องของโชคช่วย และไม่ใช่ความบังเอิญแต่อย่างใด หากแต่เกิดจากการมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล การมีคุณภาพของบุคลากรเฉพาะด้วย และความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกภาคส่วน จึงทำให้ประเทศไทยเราสามารถสร้างความสำเร็จเหล่านี้ขึ้นได้

ทุกวันนี้เราจึงมองเห็น “โอกาส” ต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายหลังสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งเป็นความท้าทายของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจอุตสาหกรรมในบ้านเรา ที่จะปรับตัวให้อยู่รอดและก้าวสู่ความยั่งยืนด้วยการต่อยอดจากจุดแข็งของเราเอง

ปัจจุบันรายได้จากการส่งออกของเราลดลงอย่างมาก พร้อมๆ กับภาคการท่องเที่ยวที่หดตัวลงอย่างรุนแรงอันเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดจากโรคระบาด COVID-19 ที่ทำให้เราไม่สามารถติดต่อค้าขายกันได้ตามปกติ ต่างต้องปิดเมืองปิดประเทศจนแทบไม่มีการติดต่อกัน ซึ่งซ้ำเติมการท่องเที่ยวที่ต้องอาศัยการเดินทางข้ามชาติ

ผู้ประกอบการที่พึ่งรายได้จากกิจกรรมระหว่างประเทศจึงมีปัญหาอย่างเห็นได้ชัด ร้านค้าที่เคยมีทัวร์ลง (โดยเฉพาะทัวร์จีน) ที่แย่งกันซื้อของ ก็ต้องประกาศเลิกกิจการอีกหลายแห่งในเร็ววันนี้

แต่ที่น่าสังเกตก็คือ โรงแรมหลายแห่งอยู่ได้ด้วยคนไทยกันเอง โดยการจัดฝึกอบรม สัมมนา จากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนภายในประเทศ รวมถึงการจัดงานเลี้ยง ช่วงนี้จึงแน่นขนัดทั้งห้องประชุมและห้องพัก ในขณะที่โรงแรมที่เคยห้องพักเต็มจากแขกต่างประเทศกลับเงียบเหงามาก จึงต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆ กลับมาส่งเสริมการขายเพื่อดึงดูดคนไทยให้มาใช้บริการมากขึ้น

ทุกวันนี้ จึงถึงเวลาที่เราต้องหันมาให้ความสำคัญกับ “การสร้างงานสร้างรายได้ภายในประเทศ” อย่างจริงจัง คือ ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการซื้อขายและบริโภคกันระหว่างคนไทยด้วยกันเองภายในประเทศ ด้วยการกระตุ้นให้ใช้ของไทย ซื้อของไทย ท่องเที่ยวทั่วไทย เป็นต้น โดยเน้นการผลิตและบริการที่มีคุณภาพที่เราสามารถทำได้อย่างครบวงจรในบ้านเราเอง

ดังนั้น ภาคธุรกิจจึงต้องต่อยอด “การตลาด” ด้วยแนวความคิดของ “การลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพ” ของภาคการผลิต ซึ่งจะต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างชัดเจนและจริงจังด้วย ครับผม !

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image