ที่เห็นและเป็นไป : ‘อำนาจ’ที่บรรลุเป้าหมาย

ที่เห็นและเป็นไป : ‘อำนาจ’ที่บรรลุเป้าหมาย บทบาทของ “เยาวชนคนรุ่นใหม่”

ที่เห็นและเป็นไป : ‘อำนาจ’ที่บรรลุเป้าหมาย

บทบาทของ “เยาวชนคนรุ่นใหม่” เป็นบทเรียนทางการเมืองที่น่าศึกษายิ่ง
ศึกษาว่าจริงแท้แล้ว “อำนาจทางการเมืองในขณะนี้อยู่ที่ใคร”
หากนิยามความหมายของ “ผู้มีอำนาจ” ว่าคือผู้ที่กำหนดได้ว่าประเทศจะเดินหน้าไปทางไหน ต้องจัดการในเรื่องอะไรบ้าง
ในนิยามนี้ น่าสนใจอย่างยิ่งว่าระหว่าง “รัฐบาล” กับ “เยาวชนคนหนุ่มสาว” ในสถานการณ์นี้ “ใครคือผู้มีอำนาจ”

หากใช้ “ความสำเร็จของการใช้อำนาจ” มาเป็นคำตอบ หรือดัชนีชี้วัด
ความเป็นไปที่เกิดขึ้นขณะนี้ แทบปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าพลังอำนาจของ “รัฐบาล” อ่อนแรงกว่าของ “เยาวชนคนหนุ่มสาว”
ภาพที่เกิดขึ้นอาจจะคล้ายว่า “รัฐบาล” ยังมีอำนาจเหนือกว่า เพราะสามารถใช้กฎหมาย และกลไกกระบวนการยุติธรรมในทุกขั้นตอน ทุกระดับให้เอื้อต่อความต้องการให้เป็นได้ มีกองกำลังติดอาวุธ มีกองกำลัง IO ทำงานด้านจิตวิทยา มีสื่อสารมวลชนที่ควบคุมให้นำเสนอในทางที่อยากให้เป็นได้ และมีเครื่องมือ เครื่องไม้
กำลังคน พร้อมกับงบประมาณมหาศาลที่จะใช้เพื่อแสดงถึงอำนาจ
แต่นั่นเป็นภาพที่แสดงให้เห็นว่าเหมือนกับเหนือกว่าเท่านั้น

หากหันกลับมามองในประสิทธิผลของการใช้อำนาจ จะพบว่าเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ปฏิเสธความล้มเหลวไม่ได้
โดยแท้จริงแล้ว เป้าหมายของการใช้อำนาจก็คือ ทำให้บ้านเมืองสงบสุข ไม่มีความวุ่นวาย มีเศรษฐกิจที่ดี มีความหวังไว้ให้ประชาชนรู้สึกอบอุ่น และปลอดภัย ได้รับความเชื่อถือศรัทธาจากประชาชน
ผลก็คือ การใช้อำนาจที่เข้มข้นของรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่มีอะไรที่บอกว่าประสบความสำเร็จในเป้าหมายเหล่านั้นเลย

Advertisement

ผู้คนในประเทศยังแตกแยกกันวุ่นวาย ความเชื่อถือศรัทธาต่อรัฐบาลแทบไม่มีเหลือ มิพักต้องพูดถึงเศรษฐกิจที่มองไม่เห็นความหวังจนกระทั่งการจะหาคนมีความรู้ความสามารถมาร่วมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ยังยากเย็น
ภาพที่เหมือนมีอำนาจล้นเหลือนั้น เป็นเพียงแต่ล้นเหลือในเชิงกลไก แต่ในเชิงประสิทธิภาพคือการใช้อำนาจให้เกิดผลตามเป้าหมายที่ต้องการดูจะล้มเหลวเสียมากกว่า

เมื่อหันกลับมาดูที่ “เยาวชนคนหนุ่มสาว” หากมองอำนาจในเชิงกลไกแล้ว ไม่เพียงไม่มีอะไรเทียบได้ แต่เหมือนไม่มีเลย หนำซ้ำยังถูกกระทำ ไล่ล้าง ทำลายจากกลไกเปี่ยมอำนาจของรัฐบาลอย่างเอาเป็นเอาตายในทุกมิติ
ทั้งใช้กำลัง ใช้กฎหมาย ในทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อขจัดอำนาจของ “เยาวชน”
แต่เช่นกัน “ความไร้อำนาจ” นั้นเป็นเรื่องของภาพ เพราะหากมองกลับมาที่เป้าหมาย หรือประสิทธิภาพแล้วจะปฏิเสธได้หรือว่า “ความเป็นไปของประเทศกำลังถูกขับเคลื่อนไปตามทิศทางที่พลังนักเรียน นิสิต นักศึกษาเป็นผู้กำหนด”

ไม่จริงหรือว่า “รัฐธรรมนูญที่พยายามเขียนให้แก้ไขไม่ได้ หรือแก้ไขได้ยากเย็น” กำลังถูกบังคับให้ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน
จะต้องบอกไหมว่า ถูกบังคับด้วย “พลังอำนาจของใคร”

Advertisement

“การปฏิรูปการศึกษา” ที่พร่ำเพ้อกันมานาน แต่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติ กำลังถูกไล่ต้อนเข้าในครรลอง
วัฒนธรรม ประเพณี ความคิด ความเชื่อต่างๆ ที่เป็นที่เลื่องลือว่าเป็นอุปสรรค ทำให้พัฒนาประเทศชาติไปสู่ความรุ่งเรืองไม่ได้ หลายๆ อย่าง มี “การเกณฑ์ทหาร” เพื่อไปเป็นคนรับใช้ ประดับบารมีนายพล นายพัน เป็นอาทิ
เรื่องราวทั้งหลายเหล่านี้กำลังถูกท้าทาย และกดบีบให้ไปสู่ความเปลี่ยนแปลง

ประชาธิปไตยที่เป็นสากลที่พยายามบอกกล่าวกันว่าไม่เหมาะกับสังคมไทย แปรเปลี่ยนเป็นเสียงเรียกร้องให้ได้มา
ยังมีเรื่องราวอื่นๆ อีกมากมาย ที่ควรจะเป็นเป้าหมายของการใช้อำนาจ ถูกทำให้มีความหวังที่เป็นจริงได้
“อนาคตที่ดีกว่า” ถูกนำเสนอในทุกมิติ และมีแนวโน้มว่าจะถูกนำมาสู่การปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริง
“อำนาจ” ที่ทำให้เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้น และดำเนินไปได้ เป็น “พลังของใคร”

บทเรียนทางการเมืองที่เกิดขึ้นจากการลุกขึ้นมาแสดงพลังของคนรุ่นใหม่ครั้งนี้ มีความน่าสนใจยิ่ง
วันเวลากำลังพิสูจน์ว่าแท้จริงแล้ว “อำนาจเป็นของประชาชนเสมอ”
ไม่ว่าใครจะควบคุมกำลัง เขียนกฎหมาย กติกาขึ้นมารับใช้ ควบคุมกลไกเพื่อเอื้อให้ตัวเองอย่างไร
หาก “ประชาชนไม่ยินยอม”
ไม่มีทางที่คนเหล่านั้นจะใช้อำนาจให้บรรลุเป้าหมายได้
“เสียงของประชาชน” คืออำนาจที่เหนือกว่าเสมอ
หากพร้อมใจกันกู่ตะโกนให้รับรู้ร่วมกันว่าต้องการอะไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image