บทนำ : อย่าละเลย
ผู้บริหารโรงแรมชั้นนำแห่งหนึ่งที่ จ.ภูเก็ต ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ กรณีแสดงความเห็นต่อแกนนำชุมนุมที่สนามหลวง มีข้อเสนอให้แบนกิจการ และขุดคุ้ยการที่สำนักงานประกันสังคม ถือหุ้นในกิจการ และกรรมาธิการสภาผู้แทนจะเข้ามาสอบสวนว่าเป็นการลงทุนที่เหมาะสมอย่างไรหรือไม่ รวมถึงการที่กิจการใช้พื้นที่ก่อสร้างอาคาร ซึ่งในเรื่องนี้ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น เตรียมเคลื่อนไหว โดยจะยื่นหนังสือต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ตรวจสอบกรณีที่ดินโรงแรม เดิมคิดว่าจะไปยื่นเรื่องต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) แต่อำนาจของ บก.ปทส.อาจไม่พอ และเกรงถูกฝ่ายการเมืองดึงเรื่อง ดีเอสไอน่าจะมีความเป็นอิสระ มีอำนาจลึกและกว้างกว่า
นายวีระกล่าวว่า ที่ดินโรงแรมดังกล่าว มีหลายประเด็นที่ต้องตรวจสอบ เช่น การได้มาของที่ดิน น.ส.3 ก. เมื่อเริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2546 นั้นได้มาอย่างไร เพราะไม่มีหมุดแสดงเขต และ ส.ค.1 นำมาจากไหน สอบเขตกันอย่างไร เพราะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิ ที่สำคัญการก่อสร้างอยู่บนภูเขา มีการอนุญาตกันอย่างไร ใครอนุญาต มีการตรวจสอบที่ดิน ตรวจสอบแบบก่อสร้างหรือไม่ เพราะพื้นที่มีสภาพเป็นป่าธรรมชาติ ต้นไม้ขึ้นหนาแน่น 35 ต้นต่อไร่ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่น่าจะเป็นต้นไม้ตามธรรมชาติ จะมาบอกว่าไม่มีสภาพป่าไม่ได้ ความลาดชันก็น่าจะเกิน 35 องศาด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบ แต่ไม่จำเป็นต้องไปร้องที่กรมป่าไม้เพราะดีเอสไอสามารถเรียกดูเอกสารได้
กรณีที่เกิดขึ้น คงจะต้องรอฟังผลการตรวจสอบของหน่วยงานรัฐ รวมถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ อย่างไรก็ตาม น่าสนใจว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายต่างๆ บทบาทในการตรวจสอบ ทักท้วงมักเป็นของประชาชนหรือภาคประชาชน ขณะที่ทางราชการจะล่าช้านิ่งเฉย รอให้เกิดการเคลื่อนไหวจึงเข้าตรวจสอบหรือดำเนินการ ปัญหาคือ การละเลยในหลายๆ เรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความเสียหาย และไม่มีผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น
