เหยี่ยวถลาลม : จากโฮปเวลล์ถึงคิงส์เกต

: จากโฮปเวลล์ถึงคิงส์เกต

เหยี่ยวถลาลม : จากโฮปเวลล์ถึงคิงส์เกต

คําว่า “โดยชอบ” นั้นมีความสำคัญและในหลายเรื่องราวมีผลสะเทือนอย่างใหญ่หลวง ดังเช่น เรื่อง “อำนาจ”

“อำนาจ” ของคนผู้หนึ่งหรือคณะใดคณะหนึ่งต้อง “ได้มาโดยชอบ”

หรือแม้ในยามที่ใช้อำนาจก็ต้อง “ใช้โดยชอบ” เนื่องจากคำว่า “มิชอบ” ทั้งหลายล้วนแต่จะนำไปสู่ข้อพิพาทและความวุ่นวาย

Advertisement

ดังเช่น “กรณีโฮปเวลล์” ที่พิพาทกับรัฐจนอนุญาโตตุลาการชี้ขาดว่า “การเลิกสัญญาไม่ชอบ” ให้รัฐจ่าย 12,000 ล้านบาท ตั้งแต่เมื่อปี 2551

แต่ถึงแม้ว่า “อนุญาโตฯ” จะมีคำชี้ขาดแล้วก็ยังมี “ช่อง” ให้ดิ้นต่อไปได้จนเวลาล่วงผ่านมากว่า 10 ปี

“ฝ่ายรัฐ” เริ่มจากร้อง “ศาลปกครองกลาง” ขอให้ “เพิกถอนคำชี้ขาด” ของอนุญาโตตุลาการ

Advertisement

อ้างว่า “คำชี้ขาด” ของอนุญาโตฯไม่ได้เกิดขึ้นโดย “อำนาจรัฐ”

เมื่อยื่นคำร้องต่อศาลจึงเกิดทาง 2 แพร่งคือ 1.คำชี้ขาดของอนุญาโตฯ อาจถูกเพิกถอน กับ 2.อาจเป็นไปตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ

กรณีโฮปเวลล์นั้น “ศาลปกครองกลาง” ตัดสิน “ให้เพิกถอนคำชี้ขาด” ของอนุญาโตฯ

เรียกว่า พลิก !
โฮปเวลล์จึงอุทธรณ์

ที่สุด “ศาลปกครองสูงสุด” ก็พิพากษาว่า “ไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ”
เรียกว่า พลิกกลับ !

ผลของคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดเปรียบได้กับคำพิพากษาศาลฎีกา จบลงที่ “ฝ่ายรัฐ” พ่ายแพ้ จะต้องคืนเงิน 24,000 ล้านบาท

คดีถ้าแพ้แล้ว “รัฐ” ก็อย่าไปโกง “เอกชน” !

จากโฮปเวลล์ก็ทำให้นึกถึงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ใช้อำนาจ “ม.44” สั่งปิดเหมืองทองอัคราเมื่อปี 2559 ซึ่งขณะนี้ “คิงส์เกต” บริษัทแม่ที่ออสเตรเลียนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ

“ประยุทธ์” ห้าวเป้งลั่นเอาไว้ตั้งแต่แรกว่า “ข้ารับผิดชอบเอง”

แต่เรื่องแดงขึ้นมาเมื่อพบว่า มีการใช้ “เงินของแผ่นดิน” ไปสู้คดีความในปี’61 ใช้ไป 60 ล้านบาท ปี’62 ใช้ไป 217 ล้านบาท และในงบฯปี’64 ขอเงินไปใช้อีก 111 ล้านบาท

ถ้าแพ้คดีเหมืองทองขึ้นมาอาจจะต้องจ่ายถึง 3 หมื่นบาท

แต่ก็จะถามว่าคนที่ “ใช้อำนาจ” สั่งปิดเหมืองทอง มี “ที่มา” อย่างไร

“ประยุทธ์” จะใช้ฐานะอะไร ใช้สิทธิอะไรเอาเงินภาษีประชาชนไปชดใช้ความเสียหายที่เกิดจาก กระบวนการใช้อำนาจอัน “มิชอบ” ส่วนบุคคล !?!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image