บทนำ : คนละครึ่ง
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเปิดลงทะเบียนร้านค้าในโครงการคนละครึ่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน ที่เปิดลงทะเบียนวันแรกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า มีร้านค้าสนใจเข้าร่วมโครงการกว่า 162,316 ร้านค้า แบ่งเป็นร้านค้าเดิมที่เคยเข้าร่วมมาตรการหรือโครงการของรัฐ 113,488 ร้านค้า และร้านค้าใหม่ 48,828 ร้านค้า โดยร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้ว 140,254 ร้านค้า และยังมีร้านค้าทยอยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง
สำหรับความกังวลที่ว่าร้านค้าจะไม่สามารถเข้าถึงระบบการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ คนละครึ่ง.com ได้นั้น น.ส.ไตรศุลีบอกว่า ธนาคารกรุงไทยได้เตรียมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปหาร้านค้าตามชุมนุม ตลาด เพื่อให้คำแนะนำพร้อมเชิญชวนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและร้านค้าหาบเร่แผงลอย ให้ทุกร้านค้าที่มีความประสงค์ได้เข้าร่วมโครงการอย่างทั่วถึง โดยเป็นแนวทางการลดช่องว่างการเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังสามารถติดต่อสาขาธนาคารกรุงไทย หรือให้ร้านค้าการแจ้งความประสงค์ในการเข้าร่วมโครงการไปยังหน่วยงานท้องถิ่น เช่น เทศบาล อบต. ฯลฯ โดยหน่วยงานท้องถิ่นจะรวบรวมความต้องการดังกล่าว เพื่อแจ้งธนาคารกรุงไทย ให้ช่วยดำเนินการต่อไป
แพคเกจนี้มีความน่าสนใจ เพราะรัฐบาลได้ขอเชิญชวนร้านค้าทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง โดยเป็นมาตรการที่ตั้งใจช่วยเหลือร้านค้าขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารเครื่องดื่ม ร้านค้าทั่วไป และผู้ประกอบการรายย่อย โดยต้องไม่ได้จดทะเบียนในรูปแบบนิติบุคคล และไม่เป็นร้านสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งนี้ รัฐบาลคาดหวังให้หาบเร่แผงลอย แม่ค้าพ่อค้าในตลาดนัด ได้เข้าร่วม เพื่อบรรเทากระทบทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งถ้าประสบความสำเร็จ เท่ากับว่ารัฐบาลสามารถส่งเงินเข้าไปกระตุ้นร้านค้าระดับเล็กได้โดยตรง แต่ทั้งนี้บรรดาร้านขนาดเล็กต้องช่วยกันเข้าไปลงทะเบียนกันมากๆ เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิเงิน 3,000 บาท สามารถมีร้านค้าที่จะไปใช้บริการได้มากๆ เช่นกัน แล้วมาลองประเมินผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นว่าออกมาเป็นบวกหรือลบเช่นไร
