สถานีคิดเลขที่ 12 : ท้องถิ่น-พิสดาร

สถานีคิดเลขที่ 12 : ท้องถิ่น-พิสดาร เป็นเรื่องน่ายินดีที่ประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่น

สถานีคิดเลขที่ 12 : ท้องถิ่น-พิสดาร

เป็นเรื่องน่ายินดีที่ประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่นกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากโดนแช่แข็งมานานหลายปี เนื่องจากบ้านเมืองตกอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐบาลรัฐประหาร แต่ความที่มีบทเรียนจากการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ เมื่อต้นปี 2562 ด้วยกติกาพิสดาร ด้วยการทำหน้าที่ของ กกต.หรือคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดนี้

จึงทำให้หลายฝ่ายต้องออกมาดักคอล่วงหน้า ว่าอย่าได้เกิดปัญหาแบบนั้น จนทำให้ประชาธิปไตยพื้นฐานส่งเสริมการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ต้องเสียหายเหมือนประชาธิปไตยระดับชาติอีกเลย

รวมทั้งต้องไม่ลืมว่า ที่เด็กนักเรียนนักศึกษาลุกฮือออกมาทั่วประเทศ จนวันนี้กระแสยังไม่ตก ยังเคลื่อนต่ออย่างน่าเกรงขาม ก็เพราะกระบวนการเลือกตั้งเมื่อ 24 มีนาคม 2562 เป็นหนึ่งในชนวนเหตุด้วย

Advertisement

พรรคเพื่อไทย โดย น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า พอเริ่มต้นเปิดรับสมัคร ท่ามกลางบรรยากาศอันคึกคัก แต่ กกต.กลับออกข้อจำกัดมากมาย ควบคุมการชื่นชมแนวนโยบาย ห้ามกดไลค์ กดแชร์ หากเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถือเป็นกติกาที่แทบกระดิกตัวไปช่วยอะไรไม่ได้เลย เพราะอาจเข้าข่ายความผิดได้หมด

จึงน่าสงสัยในความจริงใจของ กกต.

พร้อมกับตั้งคำถามว่า กกต.มีหน้าที่อะไร ส่งเสริมการเลือกตั้งให้การเลือกตั้งให้เป็นประชาธิปไตย บริสุทธิ์ยุติธรรม

Advertisement

หรือคอยจับผิดนักการเมือง และพรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามรัฐบาล

คนของพรรคเพื่อไทยเรียกร้องด้วยว่า กกต.ควรนึกถึงเมื่อตอนจัดเลือกตั้งระดับประเทศ ว่าทำให้เกิดความสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนจนโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักมาแล้ว

ดังนั้นอย่าได้สร้างปาฏิหาริย์ระดับท้องถิ่นอีกเลย

เชื่อว่า การที่โฆษกพรรคเพื่อไทยออกมาพูดเตือนล่วงหน้า ด้วยการย้อนภาพเมื่อตอนเลือกตั้ง ส.ส.

เน้นย้ำคำว่า ปาฏิหาริย์ อภินิหาร พิสดาร

เท่านี้ก็ให้คนส่วนใหญ่รู้สึกได้ทันที ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประชาธิปไตยไทย นึกย้อนถึงบรรยากาศเมื่อตอนเลือกตั้งต้นปี 2562 ซึ่งยังจดจำกันได้ดี

รัฐบาล หรือ กกต.อย่าเผลอคิดว่า ก็ผ่านมาแล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไร
ที่สะสมมาตลอด 7 ปี นับตั้งแต่การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 จนถึงการกลับสู่ประชาธิปไตยปกติเมื่อปี 2562 แล้วลงเอยไม่ปกติ

ทั้งหลายทั้งปวงนี่แหละ กลายเป็นระเบิดเวลา

ระเบิดออกมาเป็นการลุกขึ้นมาของเยาวชนนักเรียนนักศึกษา ที่ยังคงร้อนระอุไม่สิ้นสุด

ด้วยเยาวชนคนรุ่นใหม่ ตั้งประเด็นเอาไว้ชัดเจนว่า ต้องแก้ปัญหาการเมืองไทยที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ เอื้อประโยชน์ให้คนกลุ่มเดียวอยู่ในอำนาจยาวนาน

การเลือกตั้งท้องถิ่น อาจจะเป็นระเบิดอีกลูก ที่ปลุกให้สถานการณ์ลุกลามยิ่งขึ้นไปอีก

แม้แต่ที่โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาท้วงติง กกต. ด้วยการยกกรณี “มีอภินิหารพรรคปัดเศษ-ย้ายปาร์ตี้ลิสต์ข้ามพรรคแบบไม่แคร์ลำดับได้มาแล้ว”

เรื่องเดียวกันนี้แหละ เมื่อไม่กี่วันนี้เอง ที่แกนนำนักศึกษายกขึ้นมาถามแกนนำฝ่ายปกป้องอำนาจรัฐบาล

จนตอบไม่ได้ ไปไม่เป็น ยิ่งเน้นให้เห็นว่าต้องเปลี่ยนแปลงกันจริงๆ

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image