คอลัมน์หน้า 3 : จับตา เพื่อไทย สถานการณ์ แหลมคม ภายใน เพื่อไทย

คอลัมน์หน้า 3 : จับตา เพื่อไทย สถานการณ์ แหลมคม ภายใน เพื่อไทย

จับตา เพื่อไทย
สถานการณ์ แหลมคม
ภายใน เพื่อไทย

ไม่น่าเชื่อว่า กรณีของ นายสิระ เจนจาคะ จะกลายเป็น “หินลองทอง” อันคมแหลมในการตรวจสอบคุณภาพภายในพรรคร่วมฝ่ายค้าน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคใหญ่อย่าง “เพื่อไทย”

เพราะกรณีที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถอนชื่อออกจากญัตติที่เสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ถอด นายสิระ เจนจาคะ ออกจาก ส.ส.กำลังเป็นข่าวดัง

Advertisement

ไม่เพียงเป็นข้อสงสัยจากสังคม ไม่เพียงเป็นข้อสงสัยจากพรรคฝ่ายค้านอื่น

หากที่สำคัญเป็นอย่างมากจากการเปิดเผยของ 2 ส.ส.ที่ร่วมอยู่ในขบวนการถอนชื่อ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ดำรงอยู่ภายในพรรคเพื่อไทย

1 เพราะมติพรรคไม่แจ่มชัด

Advertisement

ขณะเดียวกัน 1 มีการเคลื่อนไหวของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางคนกดดันและสร้างความหวาดกลัว ไม่แน่ใจกระทั่งนำไปสู่การถอนชื่อในที่สุด

นี่คือปัญหา “ภายใน” ของพรรคเพื่อไทย

2 ปัญหาซึ่งสะท้อนออกมาโดย ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยเอง เป็นรูปธรรมอันเด่นชัดยิ่งว่ากรณีของ นายสิระ เจนจาคะ เป็นปัญหาของพรรคเพื่อไทย

เป็น “คุณภาพ” อันเต็มเปี่ยม หรือว่าเป็น “ปัญหา”

น่ายินดีที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ออกมาแถลงยอมรับอย่างรู้เท่าทันกับสถานการณ์ พร้อมกับยืนยันว่าจะแก้ไขอย่างรีบด่วน

ก่อนอื่นที่สุดก็คือ ปัญหาอันเนื่องแต่ “ความแจ่มชัด”

ไม่ว่าจะมองผ่านหัวหน้าพรรค ไม่ว่าจะมองผ่านเลขาธิการพรรค ไม่ว่าจะมองผ่านวิปของพรรค นี่คือเรื่องที่จะต้องสร้างความเป็นเอกภาพ

และเป็นเรื่องเร่งด่วน

ขณะเดียวกัน ปัญหาที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยเองเป็นเจ้ากี้เจ้าการในการกดดันและข่มขู่พรรคพวกของตนกระทั่งเกิดความหวาดกลัวก็เป็นสภาพที่ไม่ควรมองข้าม

เพราะเด่นชัดยิ่งว่า “เกลือเป็นหนอน”

หากประเมินจากท่าทีของ นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แสดงออกอย่างต่อเนื่องจากการเลือกตั้งนายก อบจ.กระทั่งในห้วงปีใหม่

ก็ต้องยอมรับว่า พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้อง “ปรับ” ใหญ่

เป็นการปรับเพื่อยอมรับ “จุดอ่อน” อันดำรงอยู่ตั้งแต่ในห้วงก่อนเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 และในห้วงแห่งการแยกตัวของกลุ่ม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

พร้อมกับคำวิพากษ์ในเรื่อง “ระบบครอบครัว” ภายในพรรค

การเข้ามาของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ในตำแหน่งเลขาธิการพรรค คือรูปธรรมหนึ่งในการขยับ แต่สภาพความเป็นจริงก็เรียกร้องมากกว่านั้น

นั่นก็คือ ต้องดึง “คนรุ่นใหม่” เข้ามาอีก

คำถามก็คือ หากภายในพรรคยังดำรงอยู่เพียงประสบเข้ากับกรณี นายสิระ เจนจาคะ ก็อ่อนระเนนเอนราบเช่นนี้จะมี “คนรุ่นใหม่” ที่ไหนอยากเข้ามา

นี่คือโจทย์ นี่คือการบ้านสำคัญ

เมื่อปัญหาปะทุขึ้น “ภายใน” มีคนของพรรคเพื่อไทยบางส่วนแทนที่จะมองตัวเอง กลับมองไปยังบางพรรคที่มีความคมชัดในทิศทางมากยิ่งกว่า

ทั้งๆ ที่กระบวนการปฏิรูปต้องเริ่มจากตัวเอง เริ่มจากภายใน

ไม่ว่าจะมองผ่านหลักการแห่ง “พุทธธรรม” ไม่ว่าจะมองผ่านกระบวนการ “บริหารจัดการ” สมัยใหม่ การเริ่มจากตนเองเป็นการเริ่มต้นซึ่งดีที่สุด

นี่คือหลักการที่พรรคเพื่อไทยพึงคำนึง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image