ผู้เขียน | สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน |
---|
สถานีคิดเลขที่12 : เรื่องร้อน-แก่งกระจาน
เรื่องราวของ “บิลลี่” หรือนายพอละจี รักจงเจริญ นักต่อสู้ชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย ที่ถูกอุ้มหาย ยังเป็นคดีคาราคาซังอยู่ รวมไปถึงการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐในการผลักดันชาวกะเหรี่ยงออกจากป่าที่อยู่อาศัยมายาวนาน ด้วยการใช้ความรุนแรงนั้น
ถือเป็นเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชน ละเมิดสิทธิของชาวชาติพันธุ์ที่เป็นข่าวระดับโลก ไม่เป็นผลดีต่อภาพของรัฐบาลไทย
มาเมื่อไม่กี่วันมานี้ เกิดเหตุการณ์ตอกย้ำปัญหาของชาวกะเหรี่ยงบางกลอย ซึ่งสะท้อนความล้มเหลวและผิดพลาดในการจัดการปัญหาของรัฐอย่างชัดเจน
เมื่อชาวกะเหรี่ยงหมู่บ้านดังกล่าวจำนวนหนึ่ง พากันเดินทางเท้าเพื่อกลับขึ้นไปยังหมู่บ้านบางกลอยบนที่อยู่ในป่าใจแผ่นดิน ถิ่นที่อยู่ดั้งเดิม ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ผลักดันและขับไล่ ถึงขั้นเผากระท่อม เผายุ้งฉาง ในปี 2554 ไฟลุกท่วมอย่างน่าเศร้าสลด
ระหว่างนั้นเอง บิลลี่หรือนายพอละจี เด็กหนุ่มที่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ มีความรอบรู้ เป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐาน ภาพถ่ายเจ้าหน้าที่เผาทำลาย ดำเนินการต่อสู้ทางศาล เป้าหมายคือเพื่อเรียกร้องสิทธิทำกินและที่อยู่อาศัยให้ชาวกะเหรี่ยงดังกล่าว
ก่อนบิลลี่จะหายตัวไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557
โดยก่อนหายตัวได้ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแก่งกระจานควบคุมตัว ข้อหามีน้ำผึ้งป่าครอบครอง และจากนั้น นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ซึ่งเป็นหัวหน้าอุทยานขณะนั้น ได้มารับตัวนายบิลลี่ไปสอบปากคำ และอ้างว่า หลังจากตักเตือนอบรมก็ปล่อยตัวไปแล้ว
แต่บิลลี่ก็ไม่ได้กลับบ้าน ไม่มีใครได้พบเห็นอีกเลย
จนกระทั่งดีเอสไอได้เข้ามาสืบสวนสอบสวนและพบหลักฐานสำคัญในปี 2562 โดยเจอชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะของมนุษย์อยู่ในถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ที่ใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน เมื่อนำไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ พบว่าสารพันธุกรรมตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของนายพอละจี
จึงสรุปได้ว่าบิลลี่ที่หายตัวไป เป็นศพถูกฆ่าแล้ว
แต่ต่อมาอัยการสั่งไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์กับลูกน้อง ในข้อหาฆ่า อ้างว่าวิธีตรวจสารพันธุกรรมตรงกับมารดานั้น ไม่ชัดเจนเพียงพอ
ดีเอสไอจึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแย้งคำสั่งไม่ฟ้อง จนบัดนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ
คดีบิลลี่ถูกอุ้มหายก็ยังไม่จบและยังไม่มีความชัดเจน ยังไม่มีความเป็นธรรมเกิดขึ้น ขณะที่ชาวกะเหรี่ยงบางกลอยที่ถูกขับไล่ผลักดันออกจากพื้นที่ดั้งเดิม ก็ไม่สามารถจะดำเนินชีวิตต่อไปได้
จึงเกิดปรากฏการณ์ ตัดสินใจเดินกลับไปยังบ้านบางกลอยบน
แต่นั่นก็ไม่พ้นปัญหาตามมา เพราะเจ้าหน้าที่อุทยานและเจ้าหน้าที่ทหารได้เตรียมจัดกำลังไปติดตาม เพื่อนำชาวกะเหรี่ยงกลับลงมาอีกครั้ง
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ที่รัฐสภา ได้มีเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เขตงานตะนาวศรี เดินทางมายื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมาธิการด้านกลุ่มชาติพันธุ์ สภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนรับเรื่อง
ข้อเรียกร้องที่สำคัญก็คือ ห่วงใยชาวกะเหรี่ยงบางกลอยที่เดินกลับไปยังพื้นที่ดั้งเดิม แล้วมีเจ้าหน้าที่รัฐออกติดตามตัว จึงเรียกร้องไม่ให้เกิดความรุนแรงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอีก
นี่จึงเป็นเหตุการณ์ที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันจับตามองชะตากรรมของกะเหรี่ยงบางกลอยอีกครั้ง
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน