สถานีคิดเลขที่ 12 : เห็นอกเห็นใจ

สถานีคิดเลขที่ 12 : เห็นอกเห็นใจ รายการสัมภาษณ์เปิดใจเมแกนและเจ้าชายแฮร์รี

สถานีคิดเลขที่ 12 : เห็นอกเห็นใจ

รายการสัมภาษณ์เปิดใจ เมแกน และ เจ้าชายแฮร์รี คู่รักที่แยกตัวจากราชวงศ์อังกฤษ เป็นข่าวครึกโครมอยู่หลายวัน สมกับที่สื่อภาษาอังกฤษใช้คำว่า bombshell หรือ ทิ้งบอมบ์ ตั้งแต่ก่อนและหลังการออกอากาศทางช่องซีบีเอส เมื่อเย็นวันอาทิตย์ ตามเวลาสหรัฐ

ความเกรียวกราวนี้ตอกย้ำด้วยเรตติ้งผู้ชม 17.1 ล้านราย เป็นเรตติ้งกระฉูดที่ชัดเจนจากช่วงเวลาไพรม์ไทม์ปกติของสถานี 6.5 ล้านราย

ปฏิกิริยาผู้คนต่อรายการนี้ออกมาแตกต่างตามคาด คือ คนชอบเมแกนก็จะเห็นใจ คนไม่ชอบก็จะหมั่นไส้หนักขึ้นไปอีก

Advertisement

สื่อแทบลอยด์ของอังกฤษที่เป็นคู่กรณีกับเมแกนและเจ้าชายแฮร์รี จึงขยายความข่าวนี้แบบรัวๆ และแสดงให้เห็นการทำศึกสงครามข่าวสารที่มีสีสันฉูดฉาด และรสชาติแซ่บอย่างยิ่ง

ขณะที่สายตาของสื่อส่วนใหญ่จับจ้องไปที่เจ้าชายและสะใภ้เจ้าผู้แหวกม่านประเพณี นิวยอร์กไทมส์ สื่อทรงอิทธิพลของสหรัฐ กลับมองไปที่ โอปราห์ วินฟรีย์ เจ้าแม่ทอล์กโชว์ของสหรัฐ

รายการล่าสุดนี้ตอกย้ำว่า โอปราห์ยืนหนึ่งในความเป็นพิธีกรสัมภาษณ์ นับตั้งแต่เริ่มสร้างชื่อจากรายการ “ดิ โอปราห์ วินฟรีย์ โชว์” เมื่อปี 2529-2554 มีเทปออกอากาศมากว่า 5,000 ตอน และสัมภาษณ์บุคคลมากมายกว่า 37,000 คน

Advertisement

บรรดาสื่ออเมริกันชื่นชมว่าเทคนิคการสัมภาษณ์ของพิธีกรหญิง เปี่ยมไปด้วยพลังและน่าติดตาม เจาะตรงประเด็นอย่างที่ใครๆ อยากรู้ อย่างเรื่องสีผิว แม้ถามด้วยท่าทีอ่อนโยน แต่ก็ไม่หลุดคำถาม

ที่สำคัญคือ แสดงถึงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ทำให้แขกที่รับเชิญมาคุยอย่างเปิดใจ

ความเห็นอกเห็นใจกันเป็นเรื่องที่คนในสังคมปัจจุบันแสวงหา ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองของแต่ละสังคมที่รุนแรงมากขึ้น

อย่างของสหรัฐความขัดแย้งนี้ไต่ไปถึงขั้นพีก เห็นได้จากเหตุการณ์ตำรวจล็อกคอคนผิวดำ จนมาถึงเหตุการณ์ม็อบขวาจัดบุกอาคารรัฐสภา ที่ความเห็นอกเห็นใจขาดหายไป

ย้อนมาดูสังคมไทยบ้าง ความเห็นอกเห็นใจกันดูจะหาได้น้อยลงเรื่อยๆ เช่นกัน ในขณะที่ความขัดแย้งทางการเมืองมีสูงขึ้น

เหตุการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ ที่บรรดาแม่ของนักเคลื่อนไหวกิจกรรมประชาธิปไตย ร่ำไห้ที่หน้าศาล เพราะลูกถูกนำตัวไปราชทัณฑ์ทันที โดยไม่มีโอกาสได้ร่ำลา จึงต้องหันมากอดกันร้องไห้โฮ

ภาพภาพนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่ง หรือภาพวิดีโอที่มีเสียงเห็นแล้วก็น่าสะเทือนใจ แต่ถ้าไปอ่านคอมเมนต์ใต้ภาพที่ลงตามสื่อข่าว กลับพบว่ามีความเห็นส่วนหนึ่งที่ตรงกันข้าม

ทั้งเหยียบย่ำซ้ำเติม ทั้งสะใจ ให้เป็นที่สงสัยว่า สังคมไทยที่พูดๆ กันว่า คนไทยใจดี ยิ้มง่าย สนุกสนาน มีน้ำใจ รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ตกลงจริงๆ แล้วเป็นแบบไหนกัน

สัดส่วนของคนใจจืด ใจดำ เย็นชา และอำมหิต มีอยู่มากเพียงใด มีคนที่พร้อมจะไล่คนอื่นไปอยู่นอกประเทศ ถ้าเห็นไม่ตรงกับตัวเองอยู่เท่าใด และมีคนประมาณไหนที่ยิ้มเยาะ เมื่อเห็นคนเป็นแม่มีความทุกข์ที่เห็นชะตากรรมของลูก

สรุปแล้ว น่าเห็นใจสังคมไทยจริงๆ

ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image