มีความจำเป็นต้องจับตาคำประกาศการเคลื่อนไหวของ REDEM ต่อการจะปรากฏขึ้นของสถานการณ์อย่างที่เรียกว่า #ม็อบ 20 มีนาคม อย่างเป็นพิเศษ
เนื่องจากนี่คือความต่อเนื่อง
มิได้เป็นความต่อเนื่องจากสถานการณ์ #ม็อบ 6 มีนาคม เพียงอย่างเดียว หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังเป็นความต่อเนื่องจากสถานการณ์ #ม็อบ 28 กุมภาพันธ์
อย่างที่รับรู้ว่าเป็นม็อบ “ไร้แกนนำ”
อย่างที่รับรู้ว่าเป็นการปรากฏขึ้นของการชุมนุมภายใต้สถานการณ์ที่บรรดาคนซึ่งเคยเป็น “แกนนำ” อันโดดเด่นล้วนถูกจับกุม คุมขัง
เป็นสถานการณ์กระแส “ต่ำ” ในทางการเมือง
ยิ่งกว่านั้น การปรากฏขึ้นที่ผ่านมา 2 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ #ม็อบ 28 กุมภาพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ #ม็อบ 6 มีนาคม
ล้วนถูกแทรกแซง ล้วนถูกก่อกวนหนัก
คําถามอันเกิดขึ้นจากสถานการณ์ #ม็อบ 28 กุมภาพันธ์ และจากสถานการณ์ #ม็อบ 6 มีนาคม ซึ่งต้องการคำตอบเป็นอย่างยิ่งก็คือ
การแทรกแซง ก่อกวน เกิดขึ้นได้อย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นการปรากฏขึ้นของ “ช่างภาพ” ร่างกำยำพร้อมกล้องคู่มือ ใช้เรือนร่างแกร่งกระแทกมวลชนคนหนึ่งให้ตกไปอยู่ในมือของ “คฝ.”
จากนั้น ชายเคราะห์ร้ายก็ถูก “สหบาทา”
ไม่ว่าจะเป็นการปรากฏขึ้นของ “กองกำลัง” ไม่ทราบฝ่าย บุกทะลวงพยายามเข้าไปแย่งชิงตัว “ผู้ต้องหา” ซึ่งรู้กันว่าเป็น “วีโว่”
ไล่ต้อน “ตำรวจ” กระเจิงไปใน “ความมืด”
เนื่องจากเป็นกองกำลังประเภท “ไม่ทราบฝ่าย” เนื่องจากเป็น “มือมืด” บรรดาผู้ต้องหาในรถจึงไม่ยอมหนี หากปักหลักอยู่ในรถจนทนายมาถึงจึงเดินไปยัง สน.พหลโยธิน
คำถามก็คือ ปรากฏการณ์เหล่านี้เกิดจากใคร
อย่าได้แปลกใจหากการชุมนุมในสถานการณ์ #ม็อบ 20 มีนาคม จึงมีคำประกาศอย่างค่อนข้างเป็นระบบเป็นกระบวนการจาก REDEM
โดยพื้นฐานยังไม่มี “แกนนำ”
แต่ที่มีลักษณะหนักแน่นอย่างเป็นพิเศษก็คือ หลักการที่ว่าจะ “ไม่มีการเดินขบวน” ร่วมกันแสดงพลังให้เต็มพื้นที่
นี่ย่อม “ต่าง” ไปจาก 2 คราก่อน
#ม็อบ 28 กุมภาพันธ์ เริ่มต้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้วค่อยๆ เคลื่อนขบวนไปยังบริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์
#ม็อบ 6 มีนาคม เริ่มจาก 5 แยกไปยังหน้าศาลอาญา
กล่าวสำหรับ #ม็อบ 20 มีนาคม วางเป้าหมายอยู่ที่ “สนามราษฎร์” ร่วมกันแสดงพลังให้เต็มพื้นที่ นำกิจกรรมมาร่วมกันทำ
แสดงชัดว่า นี่คือพื้นที่ของประชาชนทุกคน
ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ว่า คำประกาศเชิญชวนที่ผ่านการสำรวจผ่านกระบวนการประชาธิปไตยทางตรงของ REDEM
จะมี “ผล” ออกมาอย่างไร
รู้ทั้งรู้ว่าไม่มี “แกนนำ” ผู้คนจะไปร่วมหรือไม่ รู้ทั้งรู้ว่าไม่มี “เวที” จึงไม่มี “การปราศรัย” อย่างแน่นอน ผู้คนจะไปร่วมหรือไม่
นี่คือคำถามที่ยังไม่มีใครรู้ “คำตอบ”