สถานีคิดเลขที่ 12 : ทางเลือก!?

สถานีคิดเลขที่ 12 : ทางเลือก!? แวดวงการเมืองคึกคัก มีผู้ยื่นจดแจ้งตั้งพรรค

สถานีคิดเลขที่ 12 : ทางเลือก!?

แวดวงการเมืองคึกคัก มีผู้ยื่นจดแจ้งตั้งพรรคการเมืองใหม่หลายต่อหลายพรรค
แม้พรรคที่ผุดเพิ่มขึ้นมามิใช่เมล็ดพันธุ์ใหม่ หรือเลือดใหม่การเมืองก็ตาม เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ แตกตัว แยกตัวจากค่ายเดิมด้วยเหตุผลทางการเมืองต่างๆ นานาเสียมากกว่า
แต่กระนั้นก็ถือว่าเป็นผลดีต่อระบบ ที่มุ่งต่อสู้ในวิถีทางประชาธิปไตย และเป็นผลบวกต่อประชาชน ทำให้มีทางเลือกเพิ่มขึ้น

ในบรรดาพรรคการเมืองตั้งใหม่ พรรคที่ถูกเรียกขานว่าเป็นพรรคสำรองของพรรคพลังประชารัฐ แกนนำรัฐบาลปัจจุบัน ได้รับการจับตามองมากที่สุด
หลายฝ่ายฟันธงตรงกัน ชี้เป็นความพยายามสร้างหลักประกัน สืบทอดอำนาจ
ขณะที่อีกมุมการเมืองภาพรวม การตั้งพรรคการเมืองเป็นว่าเล่น สะท้อนภาพสถานการณ์การเมืองไม่มั่นคง
คล้ายเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลง อาจเกิดขึ้นในไม่ช้าไม่นานนี้

ปัญหาการเมือง ความขัดแย้งเห็นต่างเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ การชุมนุมเคลื่อนไหว ม็อบนิสิต นักศึกษา รวมถึงปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ อาจทำให้นายกฯตัดสินใจยุบสภา
ใช้กระบวนการเลือกตั้งเป็นทางออกแก้ปัญหา
คืนอำนาจประชาชน ตัดสิน

Advertisement

ช่วงชิงความได้เปรียบ การเลือกตั้งภายใต้กติกาเดิม มี ส.ว.แต่งตั้ง 250 คนเป็นนั่งร้าน
สามารถนำมาอ้างเป็นความชอบธรรม
เมื่อกลับมาเป็นรัฐบาลได้อีกครั้ง
สตอรี่มันมีอยู่

อีกประเด็นน่าสนใจ ความคึกคักตั้งพรรคการเมืองใหม่
คือการมองเห็นโอกาส ชนะเลือกตั้ง มีที่นั่งในสภา ซึ่งแน่นอนแต่ละพรรคย่อมมีเป้าหมาย วางตำแหน่งแห่งหนทางการเมืองแตกต่างกันไป
ตั้งแต่ฝันเล็ก เป็นเครือข่าย องค์ประกอบร่วมรัฐบาล กระทั่งคิดการใหญ่ชิงอำนาจ
เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

เท่าที่ดูการขยับตั้งพรรค ทั้งยื่นจดแจ้งขอตั้งแล้ว และเคลื่อนไหว เตรียมการ
แบ่งอย่างหยาบออกได้เป็น 2 สาย 2 ทาง

Advertisement

กลุ่มขั้ว พรรคสำรอง เป็นพรรคการเมืองไฮบริด ที่เชื่อมั่นในอุดมการณ์แบบอำนาจนิยมและทุนรอน
มีขุมกำลัง เครือข่าย องค์กร ใน-นอกสภา แบ๊กแน่นหนา
แต่จำเป็นต้องมีพรรคการเมืองเป็นฐานรอง ปูพื้นความชอบธรรมเข้าสู่อำนาจ
มิอาจปฏิเสธแนวทางระบอบประชาธิปไตยได้
ในขณะที่พรรคการเมืองตั้งใหม่ แปลงร่างสวมอาภรณ์ประชาธิปไตย มองเห็นโอกาสสูงอย่างสูงยิ่ง ในการตั้งค้ำอำนาจ หรือรับไม้ต่อ ผ่องถ่ายการสืบทอดอำนาจ

อีกฟากฝั่ง กลับมองเห็นช่องทางโอกาสที่ต่างออกไป
จากความอ่อนแอ ไร้ประสิทธิภาพ ของสถาบันการเมืองเฉพาะกิจในสายอำนาจนิยม
จึงมุ่งตั้งพรรคในแนวทางที่ให้คุณค่า ความสำคัญกับประชาชน เชื่อมั่นว่า ผู้คนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งเลือกเป็น ตัดสินได้
เมื่อถึงคราวต้องออกไปเลือกตั้ง จะใช้สิทธิลงคะแนนเลือกพรรคสายอำนาจนิยมสืบทอด
หรือพรรคในสายประชานิยม
เห็นคนเป็นคน

สายนี้มองว่า ตลอดห้วงการบริหารประเทศ นับเนื่องแต่รัฐบาล คสช.มาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
ประชาชนรับรู้ และสัมผัสได้ รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลวกันแน่
2 ขั้วข้าง พรรคการเมืองใหม่ มองโอกาส แนวโน้มความเป็นไปได้ที่จะชนะเลือกตั้ง บนพื้นฐานที่ต่างกัน

ความเชื่อต่างกัน อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ก็เกิดขึ้นและเป็นไปแล้ว
น่าเสียดายยิ่ง ที่การตัดสิน พรรคการเมือง 2 ขั้ว โดยประชาชนผ่านการเลือกตั้งเลือกรัฐบาลนั้น ไม่อาจวัดผลอะไรได้มากนัก
กติกาพิกลพิการ บิดเบือนคำพิพากษาประชาชน

จำลอง ดอกปิก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image