สถานีคิดเลขที่ 12 : เรื่องใหญ่

สถานีคิดเลขที่ 12 : เรื่องใหญ่ ศึกฝ้ายซินเจียงกับแบรนด์เสื้อชั้นนำของชาติตะวันตก

สถานีคิดเลขที่ 12 : เรื่องใหญ่

ศึกฝ้ายซินเจียงกับแบรนด์เสื้อชั้นนำของชาติตะวันตก ไม่ว่า ไนกี้ อาดิดาส เอชแอนด์เอ็ม เบอร์เบอร์รี ฯลฯ กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นจนได้ หลังจากก่อข้อสงสัยขึ้นมาพักใหญ่ว่ามีค่ายลับในซินเจียงอุยกูร์ เขตปกครองพิเศษฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของจีน จริงหรือไม่

สื่อมวลชนชั้นนำของชาติตะวันตก รวมถึง บีบีซี อังกฤษ และซีเอ็นเอ็น สหรัฐ ต่างนำเสนอรายงานพิเศษเชิงสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้

แม้ทางการจีนปฏิเสธมาทุกครั้ง แต่กลับไม่ได้เปิดกว้างให้สื่อเข้าไปทำข่าว จึงไม่มีการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง

Advertisement

ยิ่งทำให้เรื่องราวดูลึกลับมากเท่าใด น้ำหนักความเชื่อมักจะเทไปยังฝั่งน่าเคลือบแคลงสงสัย

ตอนนี้หลายคนเชื่อไปแล้วว่า ชาวมุสลิมอุยกูร์ถูกเกณฑ์หรือถูกย้ายถิ่นเพื่อไปใช้แรงงานเก็บฝ้ายตามโครงการขจัดความยากจน และสลายแนวคิดอันเป็นปรปักษ์หรือเป็นภัยต่อรัฐ

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนระบุว่า ผลผลิตฝ้ายของซินเจียง ปี 2563 อยู่ที่ 5.16 ล้านตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 87.3 ของผลผลิตฝ้ายทั้งหมดในประเทศ

Advertisement

ส่วนข้อที่รัฐบาลตะวันตกใช้ตัดสินใจคว่ำบาตร จำนวนคนชาติพันธุ์ที่ถูกเกณฑ์มีไม่ใช่น้อยๆ คือเกือบ 5 แสนคนต่อปี

ข้อกล่าวหานี้เป็นไปได้มากน้อยเพียงใด ต้องรอให้จีนเปิดรับคณะ “คนกลาง” จากสหประชาชาติ เข้าไปพิสูจน์

ระหว่างนี้ศึกเส้นใยฝ้ายจึงน่าจะยุ่งเหยิงไปอีกพักใหญ่

บริษัทแบรนด์ดังของฝรั่งขานรับมาตรการของรัฐบาลตนเองที่คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซินเจียง ว่าเลิกใช้วัตถุดิบจากซินเจียง เพราะไม่ต้องการสนับสนุนการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ส่วนสื่อจีนและบรรดาชาวเน็ตผู้รักชาติก็ประกาศแบนสินค้าแบรนด์เนมเหล่านี้เช่นกัน

ศึกนี้ดูไปแล้วจะต้องมีฝ่ายที่บาดเจ็บอย่างแน่นอน แต่ยังดูไม่ออกว่าใครจะเจ็บมากกว่ากัน

แต่ที่เห็นแน่ๆ แล้วก็คือ ประเด็นสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเงื่อนไขที่รัฐบาลชาติตะวันตกใช้ตัดสินว่าจะคบหาใคร และคบระดับไหน

ส่วนบริษัทเอกชนตะวันตกก็ใช้พิจารณาด้วยว่าจะเลือกหรือเลิกใช้วัตถุดิบจากประเทศอะไรด้วยเช่นกัน

สำหรับไทยแลนด์ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องฝ้าย และคนอาจจะลืมๆ ไปแล้วว่าไทยเคยส่งกลับชาวอุยกูร์คืนไปให้จีน ก่อนเกิดเหตุระเบิดแก้แค้นที่ศาลพระพรหมเอราวัณ

แต่ประเด็นสิทธิมนุษยชนที่ควรระวังอย่างยิ่งในตอนนี้คือ ท่าทีต่อคณะรัฐประหารเมียนมา

หลังจากสื่อพม่าตีข่าวครึกโครมว่า ผู้นำไทยรุดไปเจรจากับตัวแทนคณะรัฐประหารที่ บน.6 ดอนเมือง จากนั้นก็ยังมีกรณีข้าว 700 กระสอบ ไปกองอยู่ชายแดนติดเมียนมาที่สรุปว่ากองทัพพม่าสั่งจากฝั่งไทย

ล่าสุดกองทัพไทยเป็น 1 ใน 8 ประเทศที่ส่งไปร่วมสวนสนามวันกองทัพเมียนมา 27 มี.ค. เป็นวันเดียวกับที่เจ้าหน้าที่รัฐสังหารประชาชนสูงสุดเกินร้อยศพในวันนั้น

ถ้ารัฐบาลยังมองไม่ออกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เชื่อมโยงประเด็นไม่เป็น หรือไม่เข้าใจว่าทำไมเกิดเสียงวิจารณ์สนั่นเมือง

คนที่น่าสงสารจะไม่ได้มีเพียงชาวพม่าเท่านั้น แต่เป็นคนไทยด้วย

ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image