ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : ทนไฟ
เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้ มีรัฐมนตรีของประเทศออสเตรีย ชาติในยุโรป ลาออกจากตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข เพราะทำงานรับมือโรคระบาดโควิดมากเกินไปจนอ่อนล้าแล้ว
ตอนลาออก นายนูดอล์ฟ อันส์โชเบอร์ บอกว่าทำงานมา 15 เดือน มันหนักหนาสาหัสเหมือนทำมา 15 ปี
เปิดตัวเลขดู ออสเตรียมีประชากรแค่ 9 ล้านคน แต่มีคนติดโควิดสูงถึง 6 แสนคน ในจำนวนนี้เสียชีวิต 10,098 ราย ซึ่งไม่ใช่น้อยๆ
เมื่อรัฐบาลยืนยันว่าทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เพื่อยับยั้งการระบาดของไวรัสมรณะ ประเทศชาติจึงสมควรมีรัฐมนตรีที่มีความแข็งแรงทั้งกายใจ 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อฝ่าวิกฤตดังกล่าว
นายอันส์โชเบอร์ประเมินแล้วว่า “นั่นไม่ใช่ผมในตอนนี้”
การประเมินและตัดสินตนเองดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่น่านับถือ เพราะการรู้ตัวเอง และยอมรับความจริง จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงเร็วขึ้น
บางคนทำหน้าที่ได้ดีในช่วงเวลาหนึ่ง แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน คนคนนั้นก็อาจไม่เหมาะกับตำแหน่งอีกแล้ว
สำหรับคนที่มีตำแหน่งทางการเมือง ปกติทั่วไป ถ้าไม่ใช่ถูกแฉเรื่องอื้อฉาว หรือจำนนด้วยหลักฐานว่าปฏิบัติงานโดยมิชอบ ก็ไม่มีใครอยากจะพ้นจากอำนาจหน้าที่ไปได้ง่ายๆ
กรณีของอินเดีย สถานการณ์โควิด-19 ระบาดสะเทือนขวัญชาวโลกอยู่ขณะนี้ มีคนติดเชื้อพุ่งสูงอย่างกับคลื่นสึนามิ ก็สั่นสะเทือนรัฐบาลทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่น
อินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรระดับเกินพันล้านคน เวลาพูดถึงคนท่วมท้นจึงเป็นจำนวนสูงมากไม่ธรรมดา อย่างขณะนี้เกินวันละ 3 แสนคนต่อวัน ทำสถิติใหม่ระดับโลกมาเป็นระยะ
เมื่อคนป่วยสูงขนาดนี้ ระบบต่างๆ จึงชอร์ตต่อกันหมด ตั้งแต่ตรวจหาเชื้อ รักษาโรค ไปจนถึงการเผาศพ
นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมที ของอินเดีย แม้จะเคยมีคะแนนนิยมสูงมาก โดยเฉพาะกลุ่มชาวฮินดู ตอนนี้อะไรๆ ก็เริ่มไม่แน่นอน
ความสำเร็จของรัฐบาลในการรับมือกับโควิดระลอกแรกได้สำเร็จ ตามด้วยสถิติฉีดวัคซีนป้องกันโควิดได้ปริมาณคนเร็วมากที่สุดในโลก เป็นอันถูกคลื่นสึนามิโรคระบาดรอบสองซัดพังไปเรียบร้อย
เสียงตำหนิติเตียน และเสียงเรียกร้องให้รัฐมนตรีสาธารณสุข รวมไปถึงนายกฯ ลาออก เริ่มสะพัดในโลกออนไลน์
วิธีที่รัฐบาลอินเดียรับมือ คือ ขอให้บริษัทโซเชียลมีเดียลบข้อความแบบนี้ออก เพราะถือว่าทำให้สังคมแตกตื่น หวาดหวั่น และเป็นอุปสรรคต่อภารกิจยับยั้งโควิดของรัฐบาล
โซเชียลมีเดียบางเจ้าทำตามคำขอ ดังนั้นข้อความวิจารณ์รัฐบาลทำงานรับมือโควิดย่ำแย่ จึงทำให้ผู้ใช้บริการเฉพาะในอินเดียมองไม่เห็น กลายเป็นปมวิจารณ์กันอย่างอลเวง
ถ้าดูประเทศไทย จะเห็นได้ว่าวิธีการที่รัฐบาลรับมือ ไม่ใช่การขอทวิตเตอร์ให้ลบข้อความอันเป็นผลเสียกับรัฐบาล
แต่เป็นแฮชแท็กสุดเริ่ดว่า #ทองแท้ไม่กลัวไฟ เพื่อยืนยันว่ารัฐมนตรีต้องอยู่ในตำแหน่งต่อไป ขณะที่มีเสียงวิจารณ์อีกด้านว่าการประเมินพลาดและวางแผนบกพร่อง
งานนี้ต้องติดตามต่อว่าไทยกับอินเดีย ใครจะทนไฟได้มากกว่ากัน
ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์