สถานีคิดเลขที่ 12 : สงครามกลางเมือง

สถานีคิดเลขที่ 12 : สงครามกลางเมือง ขณะที่ทั่วโลกตกอยู่ในสถานการณ์

สถานีคิดเลขที่ 12 : สงครามกลางเมือง

ขณะที่ทั่วโลกตกอยู่ในสถานการณ์โรคระบาด มีแต่รายงานคนติดเชื้อล้มป่วยและคนเสียชีวิตด้วยโควิดอย่างน่ากลัว ส่วนในพม่าแม้ไวรัสมหาภัยยังระบาดอยู่แต่ส่วนใหญ่รายงานข่าวจากประเทศนี้ เป็นเรื่องของคนเสียชีวิตด้วยกระสุนจริง

เป็นเวลา 3 เดือนแล้ว นับจากเกิดการรัฐประหาร นำมาสู่การประท้วงจากประชาชนอย่างกว้างขวาง การต่อต้านทหารลุกลามไปทั่ว จะปราบปรามอย่างดุดันขนาดไหนอย่างไรก็ไม่จบ

เมื่อถูกยิงถูกฆ่ามากขึ้น ศพผู้เรียกหาประชาธิปไตยเพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่แทนที่จะหวาดกลัว กลับยิ่งตอบโต้ด้วยการยกระดับความรุนแรง ด้วยอาวุธที่จัดสร้างกันเอง หนังสติ๊กลูกหิน ธนู ปืนประดิษฐ์ ไปจนถึงระเบิดเพลิง ค็อกเทลโมโลตอฟ

Advertisement

แล้วล่าสุดก็ยกระดับเพิ่มขึ้น ด้วยการเข้าร่วมฝึกอาวุธจริงกับกองกำลังชนกลุ่มน้อย อันเป็นขบวนการที่สู้รบกับกองทัพพม่ามายาวนานแล้ว

จนเป็นที่คาดหมายว่า เมื่อเหล่านักศึกษาประชาชนไปจับมือร่วมกับกองกำลังเหล่านี้

สุดท้ายไม่พ้นเกิดสงครามกลางเมือง

Advertisement

สำนักข่าวต่างประเทศเริ่มรายงานภาพข่าว จากฐานที่มั่นของกองกำลังติดอาวุธฝ่ายกบฏ พร้อมภาพคนหนุ่มสาวที่หลั่งไหลเข้าไปฝึกฝนการใช้อาวุธ

เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า สถานการณ์ต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า คงดุเดือดเลือดพล่านแน่ๆ

ขณะเดียวกัน ภาพข่าวจากฐานที่มั่นของฝ่ายกบฏ เห็นคนหนุ่มสาวเข้าไปร่วมจับปืน ทำให้หลายคนนึกถึงภาพเดียวกันนี้ในประเทศไทย ภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

ย้อนดูประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางการเมืองของไทยเรา ในยุคก่อนหน้านี้เคยมีพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย สร้างฐานอยู่ในป่าเขาต่างๆ มีกองกำลังทหารป่ารบกับทหารรัฐบาลตั้งแต่ปี 2508

พอเกิดการกวาดล้างเข่นฆ่านักศึกษาในวันที่ 6 ตุลาคม ด้วยแผนการปราบปรามโหดเหี้ยม แทนที่จะได้ผล แทนที่จะทำให้นักศึกษาสูญสลายหมดสิ้น

ที่ไหนได้ แห่กันเข้าป่าจับปืน ไปร่วมกับคอมมิวนิสต์ คราวนี้สงครามของฝ่ายป่ายิ่งคึกคักขยายตัว จนฝ่ายรัฐเองเริ่มคิดหนัก

สุดท้ายนายทหารนักคิดในกองทัพ เริ่มยอมรับว่าที่สู้รบกันอยู่นี้ คือสงครามประชาชน เข้าทำนองยิ่งปราบปราม ฝ่ายคอมมิวนิสต์ก็ยิ่งโต

เมื่อสรุปบทเรียนความผิดพลาด ยอมปรับแก้ จึงพลิกสถานการณ์เปลี่ยนแนวทาง

กองทัพหันมาใช้การเมืองนำการทหาร นำมาสู่คำสั่ง 66/2523 ยอมใช้สันติวิธีแก้ปัญหา เปิดโอกาสให้คนออกจากป่ากลับมาต่อสู้ทางอุดมการณ์ด้วยเวทีสันติในเมืองได้ โดยไม่เอาผิดไม่มีคดีอาญาใดๆ นั่นเป็นทางออก ทำให้สงครามคอมมิวนิสต์ยุติลงได้

เป็นบทเรียนบทใหญ่ว่า ยิ่งใช้ความรุนแรงกับนักศึกษาประชาชนที่ต่อสู้สันติวิธีในเมืองอยู่ดีๆ กลายเป็นผลักให้ไปร่วมกับฝ่ายป่า รวมทั้งบทสรุปที่ว่าสงครามประชาชนนั้น ยิ่งใช้สงครามเข้าไปจัดการ อีกฝ่ายยิ่งเติบโต

คนไม่รู้ประวัติศาสตร์ฉบับนี้ ไม่รู้ว่ากว่าจะปรับแก้กัน ประเทศเราก็เกือบจะเกิดสงครามขยายเข้ามาถึงเมืองอยู่แล้ว

ประเภทเรียกร้องให้จัดการกับนักศึกษาคนรุ่นใหม่ยุคนี้แบบ 6 ตุลาฯกันอีกหน ต้องรู้จักไปศึกษาให้ดีด้วยว่า ทำแล้วยิ่งเกิดสงครามสู้รบรุนแรงมากขึ้นเช่นไร

หรือหันไปดูพม่า บรรดานักศึกษากำลังเข้าป่า ใกล้จะเกิดสงครามกลางเมืองเต็มทีนั่นเอง

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image