| ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
|---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : กิจของสงฆ์-ของทหาร
เมื่อ “พระมหาสมปอง” โดนคำสั่งจากรัฐไปยังองค์กรสงฆ์ ให้ดำเนินการพิจารณากรณีแสดงความคิดเห็นในปัญหาโควิดกับการทำงานของรัฐบาล โดยถือเป็นการแสดงความเห็นที่ไม่เหมาะสมนอกเหนือกิจของสงฆ์นั้น
กลายเป็นประเด็นที่เกิดข้อวิจารณ์ไปทั่ว
เพราะการแสดงความเห็นของของพระมหาสมปองนั้น คือตั้งคำถามถึงการใช้งบประมาณเพื่อแก้ปัญหาคนป่วยจากโควิด ทำไมเตียงคนป่วยไม่เพียงพอ แล้วพาดพิงไปถึงเรือดำน้ำ รถถัง ว่าควรเลิกๆ ไปก่อน ไม่มีใครรบกันหรอก เอามารบกับโควิดก่อน
ก็เลยสงสัยกันว่า ในเมื่อทุกคนล้วนเห็นกันโดยทั่วว่า สถานการณ์โควิดทำให้ประชาชนยากลำบาก เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริงแน่นอน
เสียงเรียกร้องให้หยุดการจัดซื้ออาวุธ เพื่อนำเงินมาสู้กับโควิดเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน เป็นเสียงที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปในหมู่ประชาชน
เมื่อมีพระนำมาขยาย กลายเป็นการแสดงออกโดยนอกเหนือกิจของสงฆ์เช่นนั้นหรือ
นี่คือเรื่องความเดือดร้อนของคนในสังคมแท้ๆ ไม่ใช่ประเด็นการโจมตีเพื่อหวังผลทางการเมืองอะไรเลย
แถมมีข้อเปรียบเทียบกรณีสงฆ์รายอื่น ที่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองโจ่งแจ้ง แต่เป็นฝ่ายเดียวกันกับรัฐ กลับไม่เคยโดนสั่งสอบสวนพิจารณาโทษใดๆ
ขณะเดียวกัน เมื่อมาตีกรอบว่า กิจของสงฆ์ไม่ควรยุ่งการเมือง
ช่วยไม่ได้ที่จะเกิดคำถามกระหึ่มตามมาว่า แล้วกิจของทหารควรยุ่งเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมืองหรือไม่
เนื่องจากอำนาจการเมืองในยุคนี้ เชื่อมโยงกับการรัฐประหารเมื่อปี 2557 แล้วนายกฯในรัฐบาลทหารก็ยังคงอยู่มายาวนานถึงปัจจุบัน
ทำให้เกิดข้อสงสัยถึงความถนัดเชี่ยวชำนาญ เมื่อเทียบกับสถานการณ์โรคระบาดและสถานการณ์ที่ต้องปลุกเศรษฐกิจให้ฟื้นคืนชีพให้ได้
ผูกโยงเข้ากับข้อสังเกตถึงงบประมาณด้านการทหารในรัฐบาลยุคผู้นำมาจากกองทัพ
จึงทำให้การจัดซื้อเรือดำน้ำหลายหมื่นล้านก็ยังคงอยู่ต่อไป ทั้งที่เรากำลังหนักหนาสาหัสในด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจ
กิจของสงฆ์คืออะไร แล้วกิจของทหารคืออะไร กลายเป็นคำถามตามมา
แล้วที่พระมหาสมปองแสดงความเห็นว่า สถานการณ์ตอนนี้ไม่มีสงครามการสู้รบหรอก จึงต้องเอาเงินงบประมาณมารบกับโควิดก่อน ก็เป็นมุมมองที่ทุกคนเห็นตรงกัน พูดกันไปทั่วทุกวงการ
ทั้งยังขมวดปมให้เห็นชัดเจนว่า
ที่เราต้องการคือผู้นำที่สู้กับ “สงครามโรค” ไม่ใช่ “สงครามโลก”
เป็นสงครามด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ไม่ใช่สงครามสู้รบที่ต้องมีผู้นำทหารเป็นหลักแต่อย่างใด
ว่าแล้วก็พากันเข้าคลับเฮาส์ศึกษาวิสัยทัศน์ของ “โทนี วูดซัม” เพื่อให้ได้ขบคิดกันต่อไป
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน
