บทนำมติชน : เปิดทางให้วัคซีน
หลังจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ แถลงว่า จะนำ
เข้าวัคซีนทางเลือก เริ่มจากวัคซีนซิโนฟาร์ม จากสาธารณรัฐประชาชนจีน แล้วจำหน่ายให้หน่วยงานไปฉีดต่อ โดยไม่คิดกำไร และมีเงื่อนไขให้ฉีดให้กับคนยากไร้ด้วย ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากหลายฝ่าย ตั้งแต่ภาคเอกชนโดยสภาอุตสาหกรรม ที่มีแรงงานในกิจการต่างๆ รอฉีดจำนวนมาก ไปจนถึงจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท.ต่างๆ บางแห่งอนุมัติงบประมาณรอซื้อแล้ว
แต่การขอจัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์ม ยังมีอุปสรรค จากนโยบายของรัฐบาลเอง ดังที่นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า อปท.หลายแห่งได้มีมติให้นำงบประมาณไปช่วยแก้ปัญหาโควิด-19 รวมทั้งการกันงบเพื่อจัดซื้อวัคซีน แต่ยังมีอุปสรรคคือ ความไม่ชัดเจนของภาครัฐ เนื่องจากกระทรวงมหาดไทย ได้อ้างอิงคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564 ระบุว่า ยังไม่สามารถให้ อปท.จัดซื้อจัดหาวัคซีนโดยตรงกับผู้ผลิต แต่ทางสำนักนายกรัฐมนตรี มีหนังสือตอบกลับทางสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2564 ระบุว่า การจัดซื้อจัดหาวัคซีนนั้น จะต้องคำนึงถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ.ความมั่นคงทางด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ.2561 พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 จึงขอให้กระทรวงมหาดไทยปลดล็อกให้ อปท. มีสิทธิที่จะจัดซื้อจัดหาวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 ได้โดยตรงจากผู้ผลิต เพราะจะสามารถแบ่งเบาภาระของภาครัฐในการกระจายวัคซีนให้ถึงตัวของประชาชน
เป็นความเห็นที่น่าสนใจจากพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย น่าจะหารือแก้ไขอุปสรรค ที่มาจากนโยบายของรัฐโดยตรง การแพร่ระบาดครั้งนี้ กระทบประชาชนทุกคน รัฐบาลต้องใจกว้าง ไม่เห็นแก่ผลทางการเมือง เปิดให้ทุกฝ่ายเข้ามาช่วยกันแก้ปัญหา ที่ผ่านมาไม่มีใครตอบได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับโครงสร้างการแก้ปัญหาโควิด แต่ผลที่เห็นแน่ๆ คือ ประเทศไทยไม่มีวัคซีนในมือ ไม่สามารถฉีดให้ประชาชนตามเป้าหมายได้ ถึงเวลาที่จะต้องปรับปรุงแนวทางการบริหาร การตัดสินใจ เพื่อเห็นแก่ประชาชน และอนาคตของประเทศแล้ว
