สะพานแห่งกาลเวลา : วัคซีนเข็มที่ 3

เรื่องวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 สำหรับประชาชนทั่วไปกำลังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในหลายประเทศในเวลานี้ แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาเอง ซึ่งเพิ่งประกาศจะรณรงค์ฉีดกันขนานใหญ่ในเดือนกันยายนนี้สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนมาครบแล้วนาน 8 เดือน ก็เริ่มมีบรรดา นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันวิทยา ออกมาแสดงความกังขากันมากมาย

คำถามที่ถามกันมากก็คือ การตัดสินใจที่จะฉีดเข็ม 3 ที่ว่านี้ อยู่บนพื้นฐานของอะไรกันแน่

พลเรือโท นายแพทย์ วิเวก มูรธี ผู้อำนวยการสำนักงานบริการสาธารณสุข ในฐานะโฆษกของกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ พยายามให้เหตุผลว่า วัคซีน (สหรัฐใช้ไฟเซอร์กับโมเดอร์นา) นั้นภูมิคุ้มกันจะลดลงเร็ว หลังผ่าน 6 เดือนไปแล้ว จะเหลือไม่มากพอที่จะป้องกันการติดเชื้อกลายพันธุ์เดลต้า ได้ จำเป็นต้องมีเข็มกระตุ้ม เข็มที่ 3

แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ อย่างนายแพทย์ เจสซี กูดแมน จากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ในวอชิงตัน ออกมาชี้ให้เห็นว่า จริงๆ แล้ว ปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันลด ไม่ได้ครอบคลุมถึงประชาชนทั่วไปอย่างที่พยายามทำให้เห็นกันไปอย่างนั้น

Advertisement

ข้อมูลการติดเชื้อแล้วมีอาการหนักถึงขนาดต้องเข้าโรงพยาบาลทั้งๆ ที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนไปแล้ว นับจนถึง วันที่ 9 สิงหาคม พบว่ามีจำนวนทั้งหมด 8,054 คน

ในจำนวนทั้งหมดนั้น มีเกือบ 74 เปอร์เซ็นต์ ที่เป็นผู้สูงอายุ มีอายุมากกว่า 65 ปี

ในจำนวนผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ว่านั้น มีถึง 20 เปอร์เซ็นต์ที่ลงเอยด้วยการเสียชีวิต

Advertisement

นั่นคือข้อมูลอย่างเป็นทางการของศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางคนรวมทั้ง นายแพทย์กูดแมนบอกว่า ยังไม่ชัดเจนว่า คนที่หนุ่มๆ สาวๆ ที่มีสุขภาพสมบูรณ์ดี ควรถูกจัดให้เป็นกลุ่มเสี่ยงเหมือนกับคนที่มีอายุเกิน 65 ปี

เพราะในส่วนที่เหลือ นอกเหนือจากกลุ่มผู้สูงอายุแล้วตามข้อมูลข้างต้นนี้แสดงให้เห็นว่า วัคซีนที่ใช้ยังให้ผลดีตามที่คาดหมาย คือ ป้องกันไม่ให้ป่วยมากถึงขนาดต้องเข้าโรงพยาบาล

เหตุผลก็เพราะไม่มีวัคซีนตัวไหนป้องกันไม่ให้ติดเชื้อได้ 100 เปอร์เซ็นต์ จะฉีดกี่เข็ม ข้อเท็จจริงนี้ก็ยังเป็นเช่นนี้อยู่ดี

ดังนั้นขอแค่ให้ไม่มีอาการป่วยหนัก เป็นส่วนใหญ่ ก็น่าจะเป็นผลดีแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญอีกบางคนชี้ให้เห็นว่า ปัญหาที่สหรัฐอเมริกาเผชิญอยู่จริงๆ ในเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องของการฉีดเข็ม 3 แต่เป็นเรื่องที่ว่า มีคนอเมริกันอีกมากถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่ได้ฉีดเลยสักเข็ม

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเรื่องของการต่อต้านการฉีดวัคซีน หรืออื่นใดก็แล้ว แต่หน่วยงานของรัฐควรหันมาทุ่มความสนใจไปที่ทำให้ 30 เปอร์เซ็นต์ที่ว่านี้ ฉีดวัคซีนให้ได้ครบถ้วนเสียก่อน แทนที่จะมาระดมสรรพกำลังไปฉีดเข็มที่ 3

หลายคนเห็นตรงกันว่า นอกจากจะต้องให้ 30 เปอร์เซ็นต์ที่ว่านี้ฉีดวัคซีนให้ได้แล้ว ควรช่วยให้ประชากรที่เหลือของประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ฉีดวัคซีนกัน ให้ได้มากที่สุดและโดยเร็วที่สุดอีกด้วย

นายแพทย์ไอแซค วีสฟิวส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา จากภาควิชาสาธารณสุขของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ บอกว่า ถ้ามัวแต่กังวลกับ “เดลต้า” จนต้องระดมฉีดเข็มที่ 3 กันแล้ว ในที่สุด สหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือชาติตะวันตกที่มั่งคั่งทั้งหลายก็ต้องวนเวียนฉีดวัคซีนกระตุ้นกันต่อเนื่องต่อไปไม่หยุดหย่อน

เพราะจะมีเชื้อกลายพันธุ์เกิดขึ้นใหม่ได้อีกมากมายในประเทศที่เกิดการแพร่ระบาดอย่างหนักแล้วก็ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันกันเสียที เพราะถูกแย่งไปทำเป็น “เข็ม 3” ในชาติรวยๆ กันจนหมด

นายแพทย์วีสฟิวส์อุปมาอุปไมยสถานการณ์ดังกล่าวว่า ไม่ต่างอะไรจากสุนัขวิ่งไล่งับหางตัวเอง งับเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลสักที

ทางที่ดีก็คือช่วยให้ทั้งโลกได้วัคซีนกันให้หมดเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อกลายพันธุ์ที่จะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต

ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image